วัดขุนอินทประมูล
|
อยู่ในเขตตำบลอินทประมูล
การเดินทาง
ไปสามารถใช้เส้นทางได้ 3
สาย คือ
-
สายอ่างทอง-อำเภอโพธิ์ทอง
(เส้นทาง 3064) แยกขวาที่กม. 9
เข้าไปอีกประมาณ 2 กม.
-
จากจังหวัดสิงห์บุรีไปทางอำเภอไชโยประมาณกม.ที่
8
จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าถึงวัดเป็นระยะทาง
4 กม.
-
จากเส้นทางตัดใหม่สายอำเภอวิเศษชัยชาญ-โพธิ์ทอง
(ถนนเลียบคลองชลประทาน)
เมื่อถึงอำเภอโพธิ์ทองมีทางแยกเข้าวัดอีก
2 กม.
|
|
วัดนี้เป็นวัดโบราณ
พิจารณาจากซากอิฐแนวเขตเดิมคะเนว่าเป็นวัดใหญ่
เป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย
มีความยาวถึง 50 เมตร (25 วา)
เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหาร
แต่ถูกไฟไหม้ปรักหักพังไปเหลือแต่องค์พระตากแดดตากฝนนานนับเป็นร้อย
ๆ ปี
องค์พระนอนมีพุทธลักษณะที่งดงาม
พระพักตร์ยิ้มละไม
สงบเยือกเย็นน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนัก
พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ได้เคยเสด็จมาสักการะบูชา
อาทิ
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
เสด็จมาเมื่อ พ.ศ. 2296
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จฯ ในปี พ.ศ. 2221 และ พ.ศ. 2451
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเสด็จฯ
มาถวายผ้าพระกฐินต้นในปี
พ.ศ. 2516
และเสด็จมานมัสการอีกครั้งในปี
พ.ศ. 2518
พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศต่างนิยมมานมัสการเป็นเนืองนิจนอกจากนี้ภายในบริเวณวัดขุนอินทประมูลยังมีโบราณสถานวิหารหลวงพ่อขาว
ซึ่งเหลือเพียงฐาน
และผนังบางส่วนและพระพุทธรูป
ด้านหน้าพระนอนมีศาลรูปปั้น
ขุนอินทประมูล
ซึ่งตามประวัติ
กล่าวว่าเป็นผู้สร้างพระพุทธไสยาสน์ |
--------------------------------------
วัดโพธิ์ทอง |
อยู่ที่บ้านโพธิ์ทอง
ตำบลคำหยาด
ตรงข้ามทางเข้าบ้านบางเจ้าฉ่า
ห่างจากอำเภอเมืองไปตามเส้นทางสายอ่างทอง-โพธิ์ทอง
ประมาณ 9 กม.
นามวัดโพธิ์ทองในพระราชพงศาวดารกล่าวว่าเป็นวัดที่กรมขุนพรพินิต
(เจ้าฟ้าอุทุมพร
หรือขุนหลวงหาวัด)
เสด็จมาผนวช
วัดโพธิ์ทองแห่งนี้
รัชกาลที่ 6
เคยเสด็จมาประทับร้อน
เมื่อคราวเสด็จประพาสลำน้ำน้อย
ลำน้ำใหญ่ มณฑลกรุงเก่า
เมื่อ พ.ศ. 2459
|
|
--------------------------------------
ค้างคาวแม่ไก่วัดจันทาราม |
วัดจันทารามเป็นวัดเก่าแก่
ตั้งอยู่ที่บ้านช้าง
หมู่ที่ 5 ตำบลโคกพุทรา
ห่างจากที่ว่าการอำเภอโพธิ์ทองไปทางทิศตะวันตก
ประมาณ 4 กม. การเดินทาง
ใช้เส้นทางสายโพธิ์ทอง-แสวงหาประมาณ
1 กม. แล้วแยกซ้ายไปอีก 3 กม.
ในบริเวณวัดแห่งนี้มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นจึงเป็นที่อยู่อาศัยและแพร่พันธุ์ค้างคาวแม่ไก่
และนกนานาชนิดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
ค้างคาวแม่ไก่นี้จะออกหากินในเวลากลางคืน
ส่วนเวลากลางวันจะเกาะห้อยหัวอยู่ตามกิ่งไม้เป็นสีดำพรืดมองเห็นแต่ไกลซึ่งผู้สนใจสามารถจะไปชมได้ในทุกฤดูกาล
|
--------------------------------------
หมู่บ้านจักสาน |
งานฝีมือจักสานอันลือชื่อของอ่างทองส่วนมากจะเป็นฝีมือของชาวอำเภอโพธิ์ทองแทบทุกครัวเรือนที่ตั้งบ้านเรือนเรียงรายอยู่ทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
มีการจัดตั้งเป็นกลุ่มการผลิตเครื่องจักสานเครื่องหวาย
กลุ่มจักสานไม้ไผ่ เช่น
กลุ่มตำบลองครักษ์
กลุ่มตำบลบางเจ้าฉ่า
กลุ่มตำบลบางระกำ
กลุ่มตำบลพลับ
และกลุ่มตำบลอินทประมูล
เป็นต้น
แหล่งหัตถกรรมเครื่องจักสานที่สำคัญได้แก่
"บางเจ้าฉ่า"
ตั้งอยู่ที่หมู่ 8
บ้านยางทอง
ตำบลบางเจ้าฉ่า
การเดินทาง
ใช้เส้นทางสายอ่างทอง-โพธิ์ทอง
ประมาณ 9 กม.
ถึงคลองชลประทานยางมณี
จากนั้นเลี้ยวขวาเลียบคลองไปอีกประมาณ
5 กม.
จึงเลี้ยวขวาไปตามทางเข้าวัดยางทอง
แหล่งหัตถกรรมจะตั้งอยู่บริเวณหลังวัด
ที่นี่เป็นแหล่งเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยือนและได้พระราชทานคำแนะนำให้ราษฎรปลูกไม้ไผ่สีสุก
เพื่อเป็นวัตถุดิบในการทำ
จักสานให้มีปริมาณมากขึ้น
ก่อนที่จะมีปัญหาการขาดแคลน
งานจักสานของบางเจ้าฉ่านี้มีความประณีตสวยงามเป็นพิเศษ
และสามารถพัฒนางานฝีมือตามความนิยมของตลาด
จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่บ้านตัวอย่างในการพัฒนาอาชีพ
นอกจากบางเจ้าฉ่าแล้ว
ห่างจากอำเภอโพธิ์ทองไปอีกประมาณ
ห 4 กม.
ก็มีผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานไม้ไผ่เช่นเดียวกัน |
--------------------------------------
พระตำหนักคำหยาด
|
อยู่ในท้องที่ตำบลคำหยาด
ถัดจากวัดโพธิ์ทอง
ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 2
กม. บนถนนสายเดียวกัน
ตัวอาคารตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา
ก่อด้วยอิฐถือปูนขนาดกว้าง
10 เมตร ยาว 20 เมตร
สภาพปัจจุบันมีเพียงฝนัง
4 ด้าน
แต่ยังคงเห็นเค้าความสวยงามทางด้านศิลปกรรม
เช่น
ลอดลายประดับซุ้มจรนำหน้าต่าง
ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จประพาสลำน้ำมะขามเฒ่า
เมื่อ พ.ศ. 2451
ได้เสด็จมายังโบราณสถานแห่งนี้และทรงมีพระราชหัตถเลขาอรรถาธิบายไว้ว่า
เดิมทีทรงมีพระราชดำริว่า
ขุนหลวงหาวัด (เจ้าฟ้าอุทุมพร
กรมขุนพรพินิต)
ทรงผนวชที่วัดโพธิ์ทองแล้วสร้างพระตำหนักแห่งนี้ขึ้นเพื่อจำพรรษา
เนื่องจากมีชัยภูมิที่เหมาะสม
ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นตัวพระตำหนักสร้างด้วยความประณีตสวยงามแล้วพระราชดำริเดิมก็เปลี่ยนไป
ด้วยทรงเห็นว่าไม่น่าที่ขุนหลวงหาวัดจะทรงมีความคิดใหญ่โต
สร้างที่ประทับชั่วคราวหรือที่มั่นในการต่อสู้ให้ดูสวยงามเช่นนี้
ดังนั้น
จึงทรงสันนิษฐานว่า
พระตำหนักนี้คงจะสร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ
เพื่อเป็นที่ประทับแรมเนื่องจากมีพระราชนิยมเสด็จประพาสเมืองแถบนี้อยู่เนือง
ๆ
เช่นเดียวกับที่พระเจ้าปราสาททองทรงสร้างที่ประทับไว้ที่บางปะอิน
ขณะที่กรมขุนพรพินิตผนวชอยู่ที่วัดราชประดิษฐ์
ได้ทรงนำข้าราชบริพารกับพระภิกษุที่จงรักภักดีต่อพระองค์
ออกจากพระนครศรีอยุธยามา
จำพรรษาที่ วัดโพธิ์ทอง
และประทับอยู่ที่พระตำหนักคำหยาดนี้เพื่อไปสมทบกับชาวบ้านบางระจัน
ปัจจุบันกรมศิลปากรได้บูรณะ
และขึ้นทะเบียนพระตำหนักคำหยาดเป็นโบราณสถานไว้แล้ว
|
--------------------------------------
วังปลาวัดข่อย |
อยู่บริเวณแม่น้ำน้อยหน้าวัดข่อย
หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิ์รังนก
อยู่ห่างจากจังหวัดอ่างทอง
ประมาณ 12 กม.
ตามเส้นทางจังหวัดอ่างทอง-วิเศษชัยชาญ
ก็จะพบป้ายวังปลาวัดข่อย
แล้วเลี้ยวขวาลัดเส้นทางคลองส่งน้ำชลประทานไปอีกประมาณ
7 กม.
ปลาที่วัดข่อยนี้มีปริมาณชุกชุมมาตั้งแต่สมัยพระครูสุกิจวิชาญ
(หลวงพ่อเข็ม)
เป็นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นเวลากว่า
50 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.
2528 พระครูสรกิจจาทร
เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ปรับปรุงสถานที่
และประกาศ
เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์น้ำร่วมกับสำนักงานประมงอำเภอโพธิ์ทองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลรักษามิให้ปลาถูกรบกวน
ปัจจุบันมีปลานานาพันธุ์
เช่น ปลาสวาย ปลาตะเพียน
ปลาเทโพ ปลาแรดปลาบึก ฯลฯ
อาศัยอยู่รวมกันไม่ต่ำกว่า
50,000 ตัว
ทางวัดได้จัดจำหน่ายอาหารปลาให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับการให้อาหารปลาและจัดสวนสัตว์ขนาดเล็ก
ตลอดจนร้านจำหน่ายเครื่องดื่มไว้บริการอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดข่อยมี
มณฑป พระวิหาร เจดีย์
พระอุโบสถ กุฏิ หอสวดมนต์
ศาลาการเปรียญแบบทรงไทยโบราณซึ่งทำมาจากไม้สักเป็นเสาเหลี่ยม
8 เหลี่ยม ตะเกียง
จากกรุงวอชิงตัน
เป็นตะเกียงโบราณ
นาฬิกาโบราณ จากปารีส
และตู้พระไตรปิฎกทำด้วยไม้สักจากประเทศจีนซึ่งมีในสมัยรัชกาลที่
5
เรือซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้ในการเดินทางมีแทบทุกชนิด
ได้แก่ เรือบด เรือแจว
เรือสำปั้น และเรือประทุน
เปลกล่อมลูกในสมัยโบราณ
มรดกชาวนาซึ่งได้รวบรวมเครื่องมือ
เครื่องใช้
รวมทั้งอุปกรณ์ในการทำนา
ได้แก่ เกวียน ล้อ คันไถ
อุปกรณ์เครี่องมือการจับสัตว์น้ำ
ไซดักปลา
และศูนย์ผลิตข้าวซ้อมมือที่ชาวบ้านทำการจัดตั้งเป็นสหกรณ์ขึ้น
เพื่อทำการจำหน่ายให้แก่ประชาชน
|
|
--------------------------------------
ศูนย์เจียระไนพลอย |
อยู่ในบริเวณเดียวกับแหล่งผลิตเครื่องจักสานที่บางเจ้าฉ่า
มีศูนย์รวมการเจียระไนพลอยของหมู่บ้านและมีพลอยรูปแบบต่าง
ๆ ที่สวยงามเป็นจำนวนมาก |
--------------------------------------
ศูนย์ผลิตเครื่องใช้ประดับมุก
|
อยู่ที่วัดม่วงคัน
ตำบลรำมะสัก
มีการผลิตเครื่องใช้ประดับมุกฝีมือประณีต
นอกจากนั้นมีการทำหัตถกรรมในครัวเรือนอีกหลายแห่ง
เช่นกัน
ชุดโต๊ะเครื่องแป้ง แจกัน
ที่เขี่ยบุหรี่ |
|