|
ลำพูนผ้าไหมไทย |
ลำพูนผ้าไหมไทย : ผ้าทอจากคุ้มเจ้าถึงชาวบ้าน
การทอผ้าไหมยกดอกของชาวลำพูนมีจุดเริ่มต้นใน "คุ้มเจ้า"
ซึ่งแต่เดิมแม้จะเคยมีการทอผ้าฝ้ายยกดอกกันอยู่ก่อนแล้ว
แต่ก็เป็นการทอยกดอกด้วยลวดลายธรรมดาไม่วิจิตรเท่าใดนัก จนกระทั่ง
พระราชชายาเธอเจ้าดารารัศมี ซึ่งเป็นพระญาติกับเจ้าเมืองลำพูน
ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการทอผ้าไหมยกดอกที่มีลวดลายสวยงามแปลกตา
อันได้เรียนรู้มาจากราชสำนักสยาม
ให้แก่เจ้าหญิงส่วนบุญชายาของพลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์
ผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย และเจ้าหญิงลำเจียก
ธีดาในเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ให้เป็นผู้เริ่มทำก่อน
ต่อมาการทอผ้าไหมยกดอกจึงได้เผยแพร่ไปสู่สาธารณชนในวงกว้าง
ได้มีการฝึกหัดชาวบ้านในเขตอำเภอเมือง
และป่าซางให้มีความชำนาญในการทอผ้าไหมยกดอกเป็นอย่างดี |
|
เมื่อมีเส้นทางรถไฟจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่
ความต้องการผ้าไหมจากกรุงเทพฯ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
โดยเฉพาะหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2547 ช่วงที่จอมพล
ป.พิพูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
ได้มีแนวความคิดให้ประชาชนแต่งกายแบบสากลนิยม
สุภาพสตรีในยุคนั้นสวมหมวกและนุ่งกระโปรงจีบอย่างสวยงาม
ผ้าไหมยกดอกของลำพูนจึงกลายเป็นหัตถอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง
และได้เกิดโรงทอขึ้นมากมายในจังหวัดลำพูน อาทิ
โรงทอคุ้มเจ้าหญิงส่วนบุญ โรงทอเจ้าหญิงลำเจียก โรงทอป้าคำแหว้น
ป้าฟองคำ ป้าจันทร์ดี ป้าบุญศรี ป้านวลแก้ว คุญย่าบัวผัน ป้าจันทร์นวล
ลำพูนผ้าไหมไทย ฯลฯ
ทางกลุ่มลำพูนผ้าไหมไทย ได้เริ่มรวมกลุ่มกันทอผ้ายกดอกเมื่อต้นปี
พ.ศ.2535 และได้อนุรักษ์ลวดลายผ้าไหมยกดอกแบบโบราณ
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของลำพูน เช่น ลายดอกแก้ว หรือลายพิกุลไว้
ทั้งยังได้คิดค้นลวดลายใหม่ๆ
เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ในโอกาสงานพระราชพิธีต่างๆ
และงานแฟชั่นเครื่องแต่งกายร่วมสมัยในปัจจุบัน
โดยมีลวดลายให้เลือกหลายแบบทำให้วงการผ้าทอของลำพูนมีความก้าวหน้าได้ควบคุมคุณภาพผ้าทอให้ได้มาตรฐานเป็นเลิศ
โดยคัดเลือกเส้นไหมไทยแท้รังเหลืองในการทอ เนื้อผ้าจึงแน่นหนามีน้ำหนัก
คงทนสีไม่ตก ยิ่งใส่นานเนื้อผ้ายิ่งมีความนุ่มและเนียนไม่ร้อน
ซักเหงื่อได้ดี ทั้งยังได้ปรับปรุงพัฒนางานผ้าไหมยกดอก
ให้หลากหลายโดยเป็นผู้นำสีธรรมชาติ (NATURAL COLOUR)
มาย้อมและล่าสุดทางกลุ่มลำพูนผ้าไหมไทยได้นำแทคโนโลยีนาโน (NANO
TECHNOLOGY)
มาใช้ในการย้อมเส้นไหมเพื่อให้ผ้าไหมยกดอกมีคุณสมบัติในการกันน้ำและกันเปื้อน
ซึ่งเหมาะแก่งานผ้าไหมที่ใช้สำหรับงานตกแต่งภายใน (INTERIOR)
และงานออกแบบลายผ้าจากนักออกแบบชั้นนำ (DESIGNER) เป็นต้น
ปี2543 กลุ่มลำพูนผ้าไหมไทย
ได้รับรางวัลผลงานพัฒนาชุมชนดีเด่นระดับอำเภอ จากกรมการพัฒนาชุมชน
กระทรวงมหาดไทย
ปี2544 งานผ้าปูโต๊ะไหมยกดอก ได้รับรางวัล Seal of excellence for
Handicraft Products in Southeast Asia จาก UNESCO-AHPADA
และได้รับรางวัลชนะเลิศที่ 1
ในหลายประเภทของการประกวดผ้าทอประเภทผ้าไหมยกดอกในงานมหกรรมผ้าทอและของดีเมืองลำพูน
ปี2545 ได้รับเกียรติบัตรจากศุนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดลำพูน
ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชน จังหวัดลำพูนดีเด่น
ในปีเดียวกันนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลที่ 1
ผ้าไหมยกดอกในงานประชุมไหมโลก ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ปี2546
ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณรางวัลชนะเลิศการประกวดผลิตภัณฑ์ผ้าภาคเหนือ
จากการประกวดผลิตภัณฑ์ผ้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับภาคเหนือ
จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ปี2547
ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมยกดอกได้รับการรับรองและอนุญาตให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
จากสำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ปี2548 ได้รับหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
สำหรับสินค้าผ้าไหมยกกี่พื้นเมือง จากสำนักเครื่องหมายการค้า
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ทะเบียนเลขที่ ค221991
ปี2549 ได้รับรางวัล EXCELLENCE PRICE จากงาน MIT DESIGN AWARD 2006
ในงาน MADE IN THAILAND
ปี2550 ได้รับรางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล "รางวัลผลิตภัณฑ์
จากผ้าไหมระดับจังหวัดจากศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ
จังหวัดเชียงใหม่" ตามโครงการผลักดันสินค้าไหมไทยสู่ตลาดโลก
ปี2551ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับ 5 ดาว
ประเภทผ้าไหมยกดอกในโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณธ์ไทย (
OTOP PRODUCT CHAMPION ) ให้ไว้เมื่อ 23 ธันวาคม 2551
ปี2552 ได้รับเครื่องหมายรับรองมาตราฐานผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยชนิด ROYAL
THAI SILK ,CLASSIC THAI SILK , THAI SILK
จากสถาบันหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติพระบรมราขินีนาถ
และได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์เครื่องหมายบริการสินค้าคุณภาพจังหวัดลำพูน
( LAMPHUN BRAND ) เมื่อ 13 พฤษภาคม 2552
ปี2553 ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ GI
(Geography Indicator) จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน
|
|
|
|
|
|
|
|
|