วัดสุทัศน์เทพวราราม |
อยู่ที่ถนนบำรุงเมือง หน้าวัดมีเสาชิงช้าเป็นวัดที่รัชกาลที่ 1 โปรดฯ
ให้สร้างพระวิหารให้มีขนาดใหญ่เท่ากับพระวิหารวัดพนัญเชิง
เป็นศรีสง่าแก่พระนคร ได้พระราชทานนามไว้ว่า "วัดมหาสุทธาวาส"
แต่สร้างยังมิทันสำเร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ 2
ได้ทรงดำเนินงานต่อ และพระราชทานนามวัดไหม่ว่า "วัดสุทัศน์เทพวราราม"
สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่วัดนี้ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่น ๆ
เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ (คือต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิด)
แทนที่อยู่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจได้แก่ พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต)
พระประธานของวัดที่ได้ชะลอมาจากวิหารหลวงวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย
และบานประตูพระวิหาร
ซึ่งเป็นศิลปกรรมชั้นเยี่ยมทางด้านการแกะสลักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ |
|
-------------------------------------------
เสาชิงช้า |
ศาสนาพราหมณ์ความเกี่ยวพันกับชีวิตชาวไทยอยู่มาก เมื่อสร้างกรุงเทพฯ
เสร็จแล้วจึงมีการสร้างโบสถ์พราหมณ์ และเสาชิงข้า
เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ทางจะเลี้ยวไปถนนดินสอ มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.
2327 และย้ายมาตั้งที่ถนนบำรุงเมืองในปัจจุบัน เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 บริษัทหลุยส์ ที.เลียวโนแวนส์
ซึ่งเป็นบริษัทค้าไม้อุทิศซุงไม้สักเพื่อสร้างเสาชิงข้าใหม่ เสร็จเรียบร้อย
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. พ.ศ.2463 ซ่อมใหม่ เมื่อ พ.ศ.2502 มีส่วนสูงทั้งหมด
21.12 ม. เสาชิงข้านี้ใช้ประกอบพิธีตรียัมปวาย
หรือพิธีโล้ชิงข้าในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งจัดให้มีในเดือนยี่ของทุกๆ ปี
และยกเลิกไป เมื่อ พ.ศ.2478 |
|
-------------------------------------------
อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก |
|
ประดิษฐานอยู่ ณ เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ ฝั่งพระนคร
สร้างขึ้นเมื่องานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี เมื่อ พ.ศ. 2475
พระองค์ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ในมหาจักรีบรมราชวงศ์ และผู้สถาปนากรุงเทพฯ
เป็นเมืองหลวงของไทย ประสูติ ณ กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.
2279 เสด็จขึ้นเสวยราชย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325
อยู่ในราชสมบัตินาน 27 ปี เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352
|
|
-------------------------------------------"
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม |
ตั้งอยู่ติดกับด้านเหนือสวนสราญรมย์ มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่
3 งาน 20 ตร.วา. เป็นวัดที่มีเนื้อที่เล็กมาก วัดนี้สร้างสมัย รัชกาลที่ 4
โดยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นวัดธรรมยุติ และเป็นไปตามประเพณีโบราณว่า
ในราชธานีต้องมีวัดสำคัญ 3 วัดเสมอ
จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อสวนกาแฟหลวง ในรัชกาลที่ 3
สร้างวัดเล็กๆ ขึ้นวัดหนึ่ง พระราชทานนามว่า
"วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม" สิ่งที่น่าสนใจในวัดคือ
พระวิหารหลวงซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชพิธีสิบสองเดือน
ภาพสุริยุปราคา |
|
-------------------------------------------
วัดราชบูรณะ |
อยู่เชิงสะพานพุทธฯ ฝั่งกรุงเทพฯ เป็นวัดเก่าแก่เดิมชื่อ
วัดเลียบ เจ้าฟ้ากรมหลวงเพทหริรักษ์ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่แล้วรัชกาลที่ 1
ได้พระราชทานนามใหม่ เป็นวัดราชบูรณะ วัดนี้ได้รับการบูรณะมาตลอด
ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-7 เว้นรัชกาลที่ 6 เพียงรัชกาลเดียว
เมื่อคราวสงครามหาเอเชียบูรพาสถานที่สำคัญของวัดถูกระเบิดพังเกือบหมดโดยเฉพาะพระอุโบสถซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่งก็ถูกระเบิดพังไปด้วย
ปัจจุบันวัดเลียบได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน |
|
-------------------------------------------
วัดสระเกศ
(ภูเขาทอง) |
อยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู
เดิมเป็นวัดเก่าชื่อว่า "วัดสะแก"
ได้รับสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลที่ 1 และพระราชทานนามว่า
"วัดสระเกศ" |
|
-------------------------------------------
วัดอินทรวิหาร |
|
ตั้งอยู่ที่บางขุนพรหม ถ.วิสุทธิกษัตริย์
สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธศรีอาริยเมตรัย" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่
สูง 32 ม. กว้าง 10 ม. 24 นิ้ว บนยอดพระเกตุมาลาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
จากประเทศศรีลังกาเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยไม่เสียค่าเข้าชม
|
|
-------------------------------------------
วัดเบญจมบพิตร |
อยู่ที่ถนนศรีอยุธยา ด้านหน้าของวัดสุทัศน์ เดิมเป็นวัดร้าง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้นแทนวัดเก่า 2 วัด คือ วัดแหลม และวัดไทรทอง
โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นนายช่างออกแบบ
และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง
สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระอุโบสถ สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี
ซึ่งเหลือมาจากการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม
ที่ระเบียงวัดเบญจมบพิตรสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวมพระพุทธรูปปางต่างๆ
ที่ได้นำมาจากหัวเมือง 25 องค์ ไว้โดยรอบ
นอกจากนี้พระประธานของวัดได้จำลองพระพุทธชินราชจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
เมืองพิษณุโลกมาประดิษฐานไว้ด้วย ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร.281-2501 |
|
-------------------------------------------
พระบรมรูปทรงม้า |
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อ พ.ศ. 2451 ด้วยเงินที่ประชาชนได้เรี่ยไรสมทบทุน
โดยจ้างนายช่างชาวฝรั่งเศสแห่งบริษัท ซุซ เซอรเฟรส ฟองเดอร์
หล่อมาจากกรุงปารีส
ส่วนเงินที่เหลือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำไปใช้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้น
มีนามตามพระปรมาภิไธยว่า "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" |
|
-------------------------------------------
พระที่นั่งอนันตสมาคม
และรัฐสภา |
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารหินอ่อน
แบบอิตาลีทั้งนี้
มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รับรองแขกเมือง
และประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน
พระที่นั่งนี้สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6
บนเพดานโดมของพระที่นั่งมีภาพเยนสีที่สวยงามมาก
เป็นภาพเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
ของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-6
แห่งราชวงศ์จักรีพระที่นั่งอนันตสมาคม
ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีและรัฐพิธีต่างๆ
และเคยเป็นที่ประชุมสภาแต่เมื่อได้มีการสร้างตึกรัฐสภาใหม่
ซึ่งอยู่ด้านหลังของพระที่นั่งนี้
การประชุมรัฐสภาจึงได้ย้ายไปประชุมที่ตึกรัฐสภาใหม่
ส่วนพิธีเปิดประชุมรัฐสภาจะกระทำที่พระที่นั่งอนันตสมาคม
|
|
-------------------------------------------
พระที่นั่งวิมานเมฆ |
ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นพระราชวัง
ที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง เดิมตั้งอยู่บนเกาะสีชัง
สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ชะบอมาไว้ ณ สถานที่ตั้งปัจจุบัน เมื่อ
พ.ศ. 2444 ภายในพระที่นั่งประกอบ ด้วยห้องต่างๆ 81 ห้อง
มีคลองล้อมรอบอาทิคลองคาบแผ่นกระจก คลองรางเงิน อ่างหยก
ภายในบริเวณร่มรื่นสวยงามมาก พระที่นั่งวิมานเมฆ
เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 50
บาทรวมค่าเข้าชมพระที่นั่งอภิเษกดุสิต และพิพิทธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง
ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันรายละเอียดติดต่อ โทร. 2811569, 2811518, 2816880
นอกจากนั้นภายในเขตพระราชวังดุสิตยังมีสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ
อีก ได้แก่
|
|
พิพิธภัณฑ์ศิลปาชีพพระที่นั่งอภิเษกดุสิต
พระที่นั่งอภิเษกดุสิต
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อปี
พ.ศ. 2447 จุดเด่นที่สวยงามของพระที่นั่งองค์นี้ก็คือ
ลายไม้ฉลุแบบสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรียแห่ง ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันปรับแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานหัตถกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้นโดย
สมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
ภายในพิพิธภัณฑ์มีงานหัตถกรรมหลากหลายให้ชม อาทิ
เครื่องเงิน คร่ำ ผ้าทอ ผ้าปัก ถมเงิน ถมทอง งานประดับด้วยปีกแมลงทับ
เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง
เป็นที่รวบรวมรถม้าพระที่นั่งโบราณซึ่งใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5
รถม้าแต่ละคัน เคยร่วมในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ มีความสง่าสวยงาม
และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
พระตำหนักสวนหงส์
พระตำหนักสวนหงส์เป็นพระตำหนักเรือนไม้สองชั้น
ตามเชิงชายระเบียบและคอสองประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลัก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
สร้างพระราชทานสมเด็จพระศรีวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
(สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวี) ซึ่งเสด็จฯ
มาประทับที่พระตำหนักนี้ เมื่อปีพุทธศักราช 2445 ถึงปีพุทธศักราช 2453
ปัจจุบันภายในพระตำหนัก
สวนหงส์จัดเป็นอาคารจัดแสดงภาพงานพระราชพิธีโบราณ เช่น พระราชพิธีสมโภช
เดือนขึ้นพระอู่ พระราชพิธีเสด็จฯ สถลมารคและชลมารค
พระราชพิธีตรียัมปราย
นอกจากนี้ยังจัดแสดงพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมารภาพงานพระราชพิธีเหล่านี้
ถือเป็นภาพที่มีค่าทางประวัติศาสตร์
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-16.30
น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 281-1569,
281-1518, 281-6880, 281-8166 และ 280-5926
|
|