ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ
พระบรมธาตุเจดีย์เป็นเสมือนตัวแทนขององค์พระพุทธเจ้า ซึ่งชาวนครฯ
เชื่อมั่นว่ามีบุญญาภินิหารหาที่เปรียบมิได้
ทั้งนี้เพราะว่าภายในพระเจดีย์ได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ ในปีหนึ่งๆ
พุทธศาสนิกชนจะบูชาองค์พระธาตุเจดีย์ด้วยการจัดขบวนแห่พระบฎขึ้นห่มองค์เจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคลอันจะนำมาซึ่งความสำเร็จในการดำรงชีพทุกด้าน
ประเพณีนี้จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ซึ่งจะทำกันในวันมาฆบูชา คือในวันขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 3 และในวันวิสาขบูชา คือในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
ประเพณีเทศกาลเดือนสิบ
เป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่มากของชาวภาคใต้และนครศรีธรรมราช
งานประเพณีนี้เริ่มในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกๆ ปี
ประเพณีเทศกาลเดือนสิบ เป็นงานบุญเพื่อแสดงความกตัญญูต่อบุพการีซึ่งล่วงลับไปแล้ว
ตามความเชื่อทางพุทธศาสนาว่าผู้ล่วงลับไปแล้วมีบาปมากจะตกนรกและกลายเป็น "เปตชน"
หรือเปรต
จะถูกปล่อยตัวจากนรกเพื่อให้ขึ้นมาพบญาติพี่น้องและลูกหลานของตนในเมืองมนุษย์ในวันแรม
1 ค่ำ เดือนสิบ และให้กลับลงไปอยู่ในนรกดังเดิมก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันแรม 15 ค่ำ
เดือนสิบ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จึงพยายามหาอาหารต่าง ๆ
ไปทำบุญตามวัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เริ่มในวันแรม 13 ค่ำ
ซึ่งเป็น "วันจ่าย" หมายถึง วันออกจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นในการจัดตกแต่ง "หมรับ"
(สำรับ) ในวันแรม 14 ค่ำ คือวัน "ยกหมรับ" หมายถึง การยก "หมรับ"
ไปวัดหรือวันรับตายายและวันที่ผู้ล่วงลับจะต้องกลับลงไปอยู่ในนรกตามเดิม
คือวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ เรียกว่า "วันบังสุกุล" หรือวันส่งตายาย
สำหรับหมรับในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาจากการจัดหมรับแบบดั้งเดิม
เป็นการตกแต่งให้สวยงามมากขึ้น
โดยมีองค์ประกอบครบถ้วนตามแบบโบราณและจัดให้มีการแข่งขันการจัดหมรับขึ้นอีกด้วย
โดยจะมีพิธีขบวนแห่แหนกันอย่างสวยงามตลอดแนวถนนราชดำเนินในวันแรม 14 ค่ำ เดือนสิบ
ประเพณีชักพระ หรือ ลากพระ
อิทธิพลของวัฒนธรรมอินเดียได้กระจายสู่แนวคิดของชาวนครศรีธรรมราชสืบต่อกันมา
ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีที่พระพุทธองค์เสด็จกลับจากดาวดึงส์
จึงอัญเชิญขึ้นประทับบนบุษบกที่เตรียมไว้แล้วแห่แหนไปยังที่ประทับ
ส่วนเหตุผลแท้จริงของชาวนครฯ
ในการปฎิบัติคือเป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรออกแห่แหนหลังจากอยู่ในพรรษาเป็นเวลานานแล้ว
เพื่อเป็นการผ่อนคลายความจำเจและประกวดประชันความเลื่อมใสศรัทธากัน
จะทำกันในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยก่อนหน้านั้นประมาณ 7 วัน จะมีการตีกลอง
รัวกรับเรียกว่า "คุมพระ" และตกแต่งบุษบกสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร
(พระลาก)
การลากพระนิยมทำกันในวันออกพรรษาเพียงวันเดียวโดยลากออกจากวัดตอนเช้าไปชุมนุมกันที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ
และลากกลับวัดในวันรุ่งขึ้น
กีฬาชนวัว
ถือเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้อย่างหนึ่ง
และเป็นกีฬาท้องถิ่นอันสืบทอดมาเป็นเวลานานของจังหวัดนครศรีธรรมราช
มีวิธีการอย่างละเอียดและมีขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกโคตัวผู้พันธุ์ดี ลักษณะดี
สายเลือดดี เพื่อเลี้ยงและฝึกฝนอย่างใกล้ชิด การชนโค
จะจัดให้มีขึ้นทุกสัปดาห์โดยหมุนเวียนกันไปตามอำเภอต่างๆ
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัดมากนัก ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอปากพนัง
อำเภอฉวางและอำเภอทุ่งสง
|