เมื่อพูดถึงอุทยานแห่งชาติภูเวียงนักท่องเที่ยวก็ต้องนึกถึงไดโนเสาร์
ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน ว่าบริเวณที่
ราบสูงที่อยู่ในเขตประเทศไทยปัจจุบัน
นั้นจะเคยเป็นบ้านของไดโนเสาร์มาก่อน จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ.
2519
มีการสำรวจแหล่งแร่ยูเรเนียมในบริเวณอุทยานแห่งชาติภูเวียง
ระหว่างการสำรวจนักธรณีวิทยาได้ ค้นพบซากกระดูกชิ้นหนึ่งเข้า
และเมื่อส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญ
ชาวฝรั่งเศสวิจัยผลปรากฏออกมาว่าเป็นกระดูก
หัวเข่าข้างซ้ายของไดโนเสาร์ จากนั้นนักสำรวจ
ก็ได้ทำการขุดค้นกันอย่างจริงจังเรื่อยมากระทั่งปัจจุบันบนยอดภูประตูตีหมา
หลุมขุดค้นที่ 1 ได้พบฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์หนึ่ง
มีลำตัวสูงใหญ่ประมาณ 15 เมตร |
|
คอยาว หางยาว เป็นพันธุ์กินพืชซึ่งไม่เคยพบที่ใดมาก่อน
จึงได้อัญเชิญพระนามของ สมเด็จพระเทพฯ
มาตั้งชื่อไดโนเสาร์พันธุ์นี้เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติว่า "ภูเวียงโกซอรัส
สิรินธรเน่" (Phuwianggosaurus Sirindhornae) และในบริเวณหลุมขุดค้นเดียวกันนั้นเอง
นักสำรวจได้พบฟัน ของไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อปะปนอยู่มากกว่า 10 ซี่
ทำให้สันนิษฐานได้ว่า โซโรพอดตัวนี้อาจเป็นอาหาร ของเจ้าของฟันเหล่านี้
แต่ในกลุ่มฟันเหล่านั้นมีอยู่หนึ่งซี่ที่มีลักษณะ แตกต่างออกไป เมื่อนำไปศึกษาปรากฏ
ว่าฟันชิ้นนี้เป็นลักษณะฟันไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ที่ไม่เคย ค้นพบมาก่อนเช่นกัน
จึงตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ค้นพบ นายวราวุธ สุธีธร ว่า "ไซแอมโมซอรัส สุธีธรนี่"
(Siamosaurus Suteethorni) ผู้สนใจสามารถเดิน ทางไปชมได้ หลุมขุดค้นที่ 1
นั้นอยู่ไม่ไกลจาก ที่ทำการอุทยาน และยังสามารถเดินไปชมหลุมขุดค้นที่ 2 และ 3
ซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงด้วยฟอสซิลของ "ไซแอมโมไทรันนัส อีสานเอ็นซิส"
(Siamotyrannus Isanensis) เป็นสิ่งที่ชี้ว่า ไดโนเสาร์
จำพวกไทรันโนซอร์มีต้นกำเนิดในทวีปเอเชีย
เพราะฟอสซิลที่พบที่นี่เป็นชิ้นที่เก่าแก่ที่สุด (120-130 ล้านปี)
แต่กระดูกชิ้นนี้ได้นำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรมทรัพยากรธรณี
กรุงเทพฯบริเวณหินลาดป่าชาด หลุมขุดค้นที่ 8 พบรอยเท้าไดโนเสาร์จำนวน 68 รอย
อายุประมาณ 140 ล้านปี
เกือบทั้งหมดเป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์กินเนื้อพันธุ์เล็กที่สุดในโลกเดิน 2 เท้า
แต่หนึ่งในรอยเท้า เหล่านั้นมี ขนาดใหญ่ผิดจากรอยอื่น คาดว่าเป็นของคาร์โนซอรัส
การไปชมควรเดินทางด้วย รถขับเคลื่อน 4 ล้อใช้ เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ห่างจากที่ทำการ
19 กม.
ส่วนฟอสซิลดึกดำบรรพ์อื่นๆที่ขุดพบ เช่น ซากลูกไดโนเสาร์
ซากจระเข้ขนาดเล็ก ซากหอย 150 ล้านปี จะ อยู่กระจัดกระจายกันตามหลุมต่างๆ
ความน่าสนใจของที่นี่ไม่ได้มีแต่เพียงไดโนเสาร์เท่านั้น
ยังมีการพบร่องรอยอารยธรรมโบราณด้วย โดยพบ "พระพุทธรูปปางไสยาสน์"
ประติมากรรมนูนสูงสลักบนหน้าผาของยอดเขาภูเวียง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย
พุทธศตวรรษที่ 14 ลักษณะท่านอนได้รับอิทธิพลจากอินเดีย
พระเศียรหนุนแนบกับต้นแขนขวา แขนซ้าย ทอดไปตามลำพระองค์
นอกจากนี้"ถ้ำฝ่ามือแดง" ที่บ้านหินร่องมีงานศิลปะของมนุษย์ถ้ำโบราณ ลักษณะ
ของภาพเกิดจากการพ่นสีแแดงลงไปในขณะที่มือทาบกับผนังถ้ำก่อให้เกิดเป็นรูปฝ่ามือขึ้น
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ในบริเวณอุทยานฯจะมีน้ำตกอยู่สองสามแห่ง "น้ำตกทับพญาเสือ" เป็น น้ำตกเล็กๆ
ตั้งอยู่ใกล้กับถ้ำฝ่ามือแดง "น้ำตกตาดฟ้า" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูงประมาณ 15
เมตร สามารถเข้าถึงได้ทางรถยนต์ อยู่ห่างจากอำเภอภูเวียง 18 กม.และขึ้นเขาไปอีก
6 กม. ตรงต่อไป จาก น้ำตกตาดฟ้าอีก 5 กม. จะถึง "น้ำตกตาดกลาง" สูงประมาณ 8 กม.
นอกจากน้ำตก ก็ยังมีแหล่งท่อง เที่ยวประเภท ทุ่งหญ้าและลานหิน
ซึ่งจะมีดอกไม้ป่านานาพันธุ์บานในช่วงหลังฤดูฝน ได้แก่ "ทุ่งใหญ่เสา อาราม"
"หินลาดวัดถ้ำกวาง" และ "หินลาดอ่างกบ"
พื้นที่อุทยานฯครอบคลุมอำเภอภูเวียง อำเภอสีชมพู และอำเภอชุมแพ
มีพื้นที่ 380 ตรกม. การเดินทาง จากตัวเมืองขอนแก่นใช้เส้นทางขอนแก่น-ชุมแพ
(ทางหลวงหมายเลข 12) เป็นระยะทาง 48 กม. แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2038
เป็นระยะทาง 18 กม. ถึงอำเภอภูเวียง แล้วใช้ เส้นทางภูเวียง-บ้านเมืองใหม่
ไปจนถึงกม.ที่ 23 จะเป็นบริเวณที่เรียกว่า "ปากช่องภูเวียง" ซึ่งมี
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูเวียงตั้งอยู่ เดินทางต่อไปจนถึงกม.ที่ 30
เลี้ยวซ้ายตรงทางเข้าอ่างเก็บ น้ำบ้านโพธิ์ เป็นระยะทาง 7.7 กม.
ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ภูเวียงที่ "ภูประตูตีหมา" ภายใน
อาคารมีการจัดแสดงนิทรรศการและซากกระดูกส่วนต่างๆ
ของไดโนเสาร์ที่ขุดพบบริเวณภูเวียง โดยมีคำ อธิบายลักษณะและการเกิดซากต่างๆ
เหล่านี้
หากประสงค์จะเข้าชมเป็นหมู่คณะ และต้องการเจ้าหน้าที่นำชม
ติดต่อได้ที่สำนักงานอุทยานฯบริเวณ ภูประตูตีหมา โทร. (043) 249052
|