เดิมชื่อวัดโบสถ์มโนรมย์ ชาวบ้านเรียกว่าวัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมลำน้ำสะแกกรังในเขตเทศบาลเมือง
จากตลาดสดเทศบาล มีสะพานข้ามแม่น้ำไปยังวัดอุโปสถาราม
ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่
จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์
และวิหาร เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ในโบสถ์เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพานฝีมือประณีตมาก
ส่วนในวิหารเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสวรรค์และภาพปลงสังขาร
ด้านบนฝาผนังเป็นพระสงฆ์สาวกชุมนุมสลับกับพัดยศเหมือนจะไหว้พระประธานในวิหาร
ฝาผนังด้านนอกหน้าวิหารมีภาพถวายพระเพลิงศพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภาพชีวิตชาวบ้านที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา
เข้าใจว่าเป็นฝีมือชั้นหลัง นอกจากนี้ภายในวัดอุโปสถาราม
ยังมีสิ่งของที่น่าชมอีกมาก เช่น
ภาพจิตรกรรมในวิหาร ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานปางห้ามญาติ
ซึ่งมีฉัตรห้าชั้นประดับอยู่เหนือเศียร
ด้านซ้ายและขวาของพระประธานประดิษฐานพระพุทธรูปยืนทำด้วยไม้แก่นจันทน์สององค์
ที่ฝาผนังทั้งสี่ด้านมีภาพจิตรกรรม
ที่นอกจากจะเขียนเป็นเรื่องพุทธประวัติแล้ว
ยังมีภาพพระมาลัยซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง และภาพพระอสีติมหาสาวกซึ่งเป็นสาวกองค์สำคัญถึง
80 องค์
โดยช่างได้เขียนซ้อนกันเป็นสองแถว อีกองค์ประกอบหนึ่งที่น่าสนใจคือ
ภาพพัดยศที่คั่นระหว่างมหาสาวก ชั้นบนเป็นพัดยศทรงดอกพุดตาน
ชั้นล่างเป็นพัดยศทรงหน้านาง เขียนบนพื้นสีม่วงที่มีลายดอกไม้ร่วงอันสวยงาม
มีภาพที่น่าชมอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพพระอสุภกรรมฐาน
คือการที่พระสงฆ์พิจารณาซากศพในสภาพต่างๆ
ภาพจิตรกรรมในโบสถ์ โบสถ์ตั้งอยู่คู่กับวิหาร
ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยจำนวนห้าองค์ซึ่งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกัน
ผนังด้านในโบสถ์ทั้งสี่ด้านมีภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องพุทธประวัติ
ซึ่งมีความพิเศษคือ
ภาพกองทัพเหล่าพญามารที่มาขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้านั้น
เดิมนิยมเขียนไว้ที่ผนังด้านหน้าพระประธาน
แต่ที่โบสถ์นี้กลับเขียนไว้ด้านหลัง
ส่วนแม่พระธรณีที่ผุดขึ้นมาแสดงปาฏิหาริย์ให้พญามารได้เห็นบุญมารมีของพระพุทธองค์ที่ทรงสั่งสมมาจนพญามารต้องยอมแพ้นั้น
ตามวัดทั่วไปจะเขียนอยู่ด้านหน้าพระประธาน
แต่ที่โบสถ์นี้เขียนอยู่ด้านซ้ายของพระประธาน
มณฑปแปดเหลี่ยม เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สองชั้น
มีบันไดวนอยู่ด้านนอกอาคาร
ซุ้มหน้าต่างเป็นวงโค้งแบบอาคารในยุคอาณานิคม
ลายปูนปั้นบนผนังด้านนอกที่เป็นภาพพระพุทธรูปปางถวายเนต
อยู่ท่ามกลางหงส์และนกกระสา ช่วยตกแต่งให้มณฑปงดงามยิ่งขึ้น
มณฑปแปดเหลี่ยมนี้ หลวงพิทักษ์ภาษา (บุญเรือง พิทักษ์อรรณนพ)
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2442 เพื่อถวายแด่พระสุนทรมุนี (จัน)
หรือพระครูอุไททิศธรรม
ซึ่งเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดและเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีในช่วงรัชกาลที่ 5
|