ศูนย์ศิลปาชีพนี้มุ่งฝึกอาชีพเกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมต่างๆ
วิชาที่สอนให้แก่เกษตรกรได้แก่
-
การประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จากเส้นใยพืช
-
การแกะสลัก
-
การจักสาน
-
การทำตุ๊กตา
-
การทำดอกไม้ประดิษฐ์
-
การทำเครื่องเรือน
-
การทอผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า การย้อมสี
-
ช่างเชื่อมและเครื่องเคลือบดินเผา
ผลิตภัณฑ์ที่เสร็จแล้วจะส่งไปจำหน่ายที่ร้านจิตรลดาทุกสาขาทั่วประเทศ
|
|
ประวัติ
พ.ศ. 2523 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯ
ให้จัดตั้งศูนย์ฯ แห่งนี้ขึ้นริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ต. ช้างใหญ่ อ. บางไทร
ในเขตที่ดินปฏิรูปเพื่อการเกษตรกรรม พื้นที่กว่า 1,000 ไร่
มุ่งฝึกงานช่างฝีมือแบบศิลปะไทยโบราณให้แก่เกษตรกรที่สนใจฝึกอาชีพเป็นรายได้พิเศษจากช่วงที่ว่างจากงานเกษตร
โดยทางศูนย์ฯ มีผู้ชำนาญงานช่างแขนงต่าง ๆ มาฝึกสอน
เมื่อสามารถผลิตงานได้แล้ว ศูนย์ฯ จะรับซื้อผลงานไปจำหน่าย
เปิดอบรมศิลปาชีพรุ่นแรกเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเปิดศูนย์ศิลปาชีพบางไทรเมื่อวันที่7
ธ.ค. 2527 ปัจจุบันมีกว่า 20 แผนก เช่น แผนกตัดเย็บเสื้อผ้า
แผนกทอผ้าลายตีนจก แผนกเครื่องเรือนไม้ เป็นต้น อบรมปีละสองรุ่น รุ่นละ 500
คน ใช้เวลาอบรม 6 เดือน โดยให้ที่พัก อาหาร สวัสดิการ และเบี้ยเลี้ยง
ผลงานที่ผลิตได้นอกจากจะจำหน่ายที่ศูนย์ฯ แล้ว
ยังส่งไปจำหน่ายที่ร้านจิตรลดาซึ่งมีสาขาทั่วประเทศ
และส่งออกต่างประเทศด้วย
นอกจากนี้ ภายในบริเวณศูนย์ฯ มีจุดเด่นอื่นๆอีก เช่น
หมู่บ้านศิลปาชีพ - เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น.
มีพื้นที่กว้างขวางหลายสิบไร่ ภายในแบ่งเป็นหมู่บ้านไทยของแต่ละภาค
โดยมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางพื้นที่
นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมงานศิลปะหัตถกรรมของแต่ละภาคแล้ว
ยังสามารถชมความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยของแต่ละท้องถิ่นด้วย
สวนนก - เปิดเวลา 09.00-19.00 น. ปิดวันจันทร์
- ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท เป็นกรงนกขนาดใหญ่สองกรง
ภายในมีนกหายากกว่า 100 ชนิด เช่น นกชาปีไหน นกกาฮัง นกเงือกรามช้าง
นกสาลิกาเขียว นกยูงไทย เป็นต้น
ภายในกรงจัดสภาพแวดล้อมให้คล้ายคลึงธรรมชาติ เช่น สภาพป่า น้ำตก ธารน้ำ
เป็นต้น มีระบบไฟล่อแมลงซึ่งเป็นอาหารของนก
ในวันที่ร้อนจัดมีระบบฝนเทียมให้ความชุ่มชื้น
ดำเนินการโดยมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมไม่ควรให้อาหารสัตว์
หรือส่งเสียงดัง
วังปลา
- เปิดเวลา 10.00-16.00 น. เว้นวันจันทร์-อังคาร มีตู้แสดงพันธุ์ปลาสองตู้
ตู้ใหญ่ขนาดความจุ 1,400 ตัน อีกตู้เป็นตู้ทรงกลมขนาด 600 ตัน
มีปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด ทั้งปลาพื้นเมืองใกล้สูญพันธุ์
และปลาที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น กระเบนราหู ปลาตะเพียนทอง ปลาเสือพ่นน้ำ
ปลาบึก ปลากดดำ เป็นต้น ภายในอาคารยังมีภาพเขียนปลาไทยพร้อมคำบรรยาย
ชมขั้นตอนการผลิตงาน - เปิดเวลา 09.00-14.30 น.
เว้นวันจันทร์
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมขั้นตอนการผลิตงานที่อาคารฝึกอบรมศิลปาชีพ
ซึ่งประกอบด้วยแผนกต่าง ๆแต่ห้ามส่งเสียงรบกวนสมาธิการทำงาน
หรือจับต้องผลิตภัณฑ์ บางแผนกห้ามถ่ายภาพ
ซื้อผลิตภัณฑ์ - วันธรรมดาเปิดเวลา 09.00-17.00 น.
วันหยุดราชการเปิดเวลา 09.00-18.00 น. ผลิตภัณฑ์ของศูนย์ฯ
มีจำหน่ายที่ศาลาพระมิ่งขวัญ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ทรงไทยประยุกต์
สูงสี่ชั้น มีผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องแก้ว เครื่องเซรามิก ผ้าทอ
เครื่องจักสาน รวมไปถึงงานเครื่องไม้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น
บนชั้นสองเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการงานฝีมือชิ้นเยี่ยม
พระตำหนัก
ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเรือนไทยโบราณ มีใต้ถุนสูง แวดล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับ
และน้ำตกจำลอง บริเวณด้านหน้ามีประติมากรรมทองเหลืองซึ่งเป็นผลงานของศูนย์ฯ
แห่งนี้ให้ชม
การเดินทางไปยังศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
สามารถไปทางเรือตามลำน้ำเจ้าพระยาถึงท่าของศูนย์ฯ หรือไปทางรถยนต์
เมื่อถึงอำเภอบางปะอินแล้ว มีทางแยกซ้ายเข้าสู่สายบางไทร-สามโคก ระยะทาง 24
กิโลเมตร ถึงศูนย์ศิลปาชีพฯ หรือหากไปจากกรุงเทพฯ
จะใช้เส้นทางสายนนทบุรี-ปทุมธานี (ทางหลวงหมายเลข 306)
เลยแยกรังสิตไปไม่ไกลนัก จะมีทางแยกขวามือไปอำเภอบางไทร
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรมีพื้นที่กว้างใหญ่นับพันไร่
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
นักท่องเที่ยวสามารถชมการสาธิตการผลิตสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพ
และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของศูนย์ฯ รวมทั้งยังมีสถานที่น่าสนใจ เช่น
วังปลาน้ำจืด สวนนก เป็นต้น ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ทางศูนย์ฯ
จัดงานลอยกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นงานใหญ่ประจำทุกปี
ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วไป
วันจันทร์เป็นวันที่อาคารหลายแห่งของศูนย์ฯ ปิด จึงควรเลือกมาวันอื่น ๆ
เพื่อจะได้ชมได้ทั่ว
- เปิดเวลา 08.00-17.00 น. - มีรถไฟเล็กชมภายในศูนย์ฯ ไม่เสียค่าบริการ
- มีร้านอาหาร - โทร. 0-3536-6252-4, 0-3528-3246-50
|