พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง |
เป็นสถานที่รวบรวม
และจัดแสดงศิลปโบราณที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีภายในเมืองสุโขทัยและที่ประชาชนมอบให้
บริเวณพิพิธภัณฑ์จะแบ่งส่วนการแสดงโบราณวัตถุไว้เป็น
3 ส่วนคือ
|
อาคารลายสือไท
700 ปี
เป็นอาคารใหม่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าอาคารใหญ่
เป็นที่จัดแสดงศิลปวัตถุสมัยสุโขทัย
เช่น พระพุทธรูป
เครื่องใช้ ถ้วยชาม
สังคโลก ศิลาจารึก ฯลฯ |
|
อาคารพิพิธภัณฑ์
แบ่งออกเป็น 2 ชั้น
แสดงศิลปวัตถุในยุคสมัยต่างๆ
มากมาย อาทิ
พระพุทธรูปสำริด โอ่ง
สังคโลก
เครื่องศาสตราวุธ
เครื่องถ้วยชามสังคโลก
เงินตรา
ท่อน้ำระบบชลประทานสุโขทัย
ฯลฯ |
|
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
จะอยู่ด้านนอกโดยรอบอาคารใหญ่
เป็นที่ตั้งแสดงศิลปะวัตถุโบราณต่างๆ
อาทิ พระพุทธรูปศิลา
แผ่นจำหลัก
รูปทรงอาคารไทยแบบต่างๆ
เตาทุเรียงจำลอง
เสมาธรรมจักศิลา
เป็นต้น |
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง
เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน
ยกเว้น วันหยุดนักขัตฤกษ์
ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนละ 30
บาท
กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะควรติดต่อล่วงหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง
ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลเมือง
จังหวัดสุโขทัย 64210 โทร. (055)
612167 |
|
|
-----------------------------------------------------------------
|
ศาลตาผาแดง
|
เป็นศาสนสถานตามคติศาสนาฮินดู
ก่อด้วยศิลาแลง
ส่วนยอดหักพังลงหมด
รูปแบบทางสถาปัตยกรรม
และประติมากรรมศิลาที่เป็นรูปเคารพเปรียบเทียบได้กับศิลปะในสมัยนครวัต
(ราว พ.ศ. 1650-1720)
จัดเป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมืองสุโขทัย
|
-----------------------------------------------------------------
|
เนินปราสาทพระร่วง |
หรือเขตพระราชวัง
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัดมหาธาตุ
เป็นซากอาคารก่อด้วยอิฐ
ขุดแต่งบูรณะแล้ว
มีฐานบัวโดยรอบทำด้วยปูนปั้น
สันนิษฐานว่าเนินแห่งนี้คือที่ตั้งของพระที่นั่ง
หรือปราสาท
ที่ประทับของกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงที่ครองกรุงสุโขทัยในกาลก่อน
แต่องค์ปราสาทหาชิ้นดีไม่ได้แล้ว
เพราะคงจะสร้างด้วยเครื่องไม้
เดี๋ยวนี้มีแต่ซากกระเบื้องมุงหลังคากระจัดกระจายทั่วไป
ณ
เนินปราสาทแห่งนี้เองที่ได้ค้นพบศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงและพระแท่นมนังคศิลา
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดตระพังเงิน |
(คำว่า "ตระพัง"
หมายถึง สระน้ำ
หรือหนองน้ำ)
เป็นโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตก
มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์
หรือดอกบัวตูมเป็นประธาน
บริเวณเรือนธาตุจะมีชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนทั้ง
4 ทิศ ด้านหน้าเป็นวิหาร 7
ห้อง
ฐานและเสาก่อด้วยศิลาแลง
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย
บริเวณตรงกลางตระพังเป็นเกาะขนาดเล็ก
เป็นที่ตั้งของพระอุโบสถ
บริเวณตระพังจะมีดอกบัวขึ้นอยู่รอบสระสวยงามมาก |
|
-----------------------------------------------------------------
|
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช |
สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 2518
ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่องทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ
ลักษณะพระบรมรูป
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
เป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ
ขนาด 2 เท่าขององค์จริง
สูง 3 เมตร
ประทับนั่งห้อยพระบาทบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร
พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์
พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน
พระแท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้างๆ
ลักษณะ
พระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น
ถ่ายทอดความรู้สึกว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา
ยุติธรรมและเฉียบขาด
ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับ
พระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย |
|
-----------------------------------------------------------------
|
นอกกำแพงเมืองด้านเหนือ
|
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
|
เป็นอาคารทรงไทยสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัย
ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองด้านทิศเหนือ
ใกล้กับวัดพระพายหลวง
เป็นศูนย์ให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
รวมทั้งจัดแสดงแบบจำลองของโบราณสถานต่างๆ
ในเขตเมืองเก่าสุโขทัย
นักท่องเที่ยว
ควรเริ่มต้นชมอุทยานฯ
จากจุดนี้เพื่อจะได้เห็นภาพรวมของสุโขทัยในอดีต |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดพระพายหลวง |
ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองทางด้านทิศเหนือ
เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากวัดมหาธาตุ
วัดนี้มีคูน้ำล้อมรอบ 3
ชั้น มีปรางค์ 3 องค์
เป็นปรางค์ประธานของวัด
ทำด้วยศิลาแลง
แบบศิลปะลพบุรี
ยังคงเห็นลายปูนปั้นที่ปรางค์ด้านทิศเหนือ
ด้านหน้าปรางค์มีฐานวิหารเจดีย์ที่ปรักหักพัง
ทางด้านประติมากรรม
มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางต่างๆ
เช่น นั่ง ยืน เดิน นอน
ซึ่งส่วนใหญ่ชำรุดแล้วประดิษฐานที่มณฑปและซุ้มเจดีย์ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
แหล่งโบราณคดีเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย
(เตาทุเรียง)
|
อยู่ใกล้วัดพระพายหลวงบริเวณแนวคูเมืองเก่าที่เรียกว่า
"แม่โจน"
เป็นเตาเผาถ้วยชามสมัยสุโขทัย
มีอายุราวพุทธศตวรรษที่
18 ค้นพบเตาโดยรอบ 49 เตา
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บริเวณคันคูแม่น้ำโจนด้านทิศเหนือ
37 เตา
ด้านทิศใต้ข้างกำแพงเมือง
9 เตา และด้านทิศตะวันออก 3
เตา
เตาเผาเครื่องสังคโลก
มีลักษณะคล้ายประทุนเกวียน
ขนาดกว้าง 1.50-2.00 เมตร ยาว 4.5
เมตร
เครื่องปั้นดินเผาที่พบบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นประเภทถ้วยชามมีขนาดใหญ่
น้ำยาเคลือบขุ่นสีเทาแกมเหลือง
มีลายเขียนสีดำ
ส่วนใหญ่ทำเป็นรูปดอกไม้
ปลา และจักร
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดศรีชุม |
ตั้งอยู่ห่างจากวัดพระพายหลวงไปทางทิศตะวันตก
800 เมตร
เป็นวัดที่ประดิษฐานพระอจนะ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
และลักษณะของวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระอจนะนั้น
สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป
แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว
เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน
ผนังแต่ละด้านก่ออิฐถือปูนอย่างแน่นหนา
ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายใน
และเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบๆ
ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะ
หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้
ภายในช่องกำแพงตามฝาผนังมีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด
ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ
700 ปี
นอกจากนี้แล้วบนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายต่างๆ
ไว้มีจำนวนทั้งหมด 50 ภาพ
เมื่อเดินตามช่องทางบันไดขึ้นไปจะโผล่บนหลังคาวิหารมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเก่าสุโขทัยได้โดยรอบ
เพราะเหตุใดวิหารวัดศรีชุมจึงมีความเร้นลับซ่อนอยู่ |
|
อย่างนี้
เรื่องนี้หากพิจารณากันอย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่า
พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์
พระร่วงทรงพระปรีชาสามารถในด้านปลุกปลอบใจทหารหาญและด้านอื่นๆ
อีกมาก
เพราะผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็กๆ
ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้และพูดออกมาดังๆ
ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้
และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม
เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่าง
แต่เดิมคงมีหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม
|
-----------------------------------------------------------------
|
นอกกำแพงเมืองด้านตะวันตก |
วัดสะพานหิน |
โบราณสถานด้านทิศตะวันตกของกำแพงเมืองที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินลูกเตี้ยสูงประมาณ
200 เมตร
มีทางเดินปูด้วยหินชนวนแผ่นบางๆ
จนถึงบริเวณลานวัด
มีวิหารก่อด้วยอิฐ
มีเสาก่อด้วยศิลาแลง 4
แถว 5 ห้อง
ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระปางประทานอภัยสูง
12.50 เมตร เรียกว่า "พระอัฏฐารศ" |
|
-----------------------------------------------------------------
|
เขื่อนสรีดภงค์
หรือทำนบพระร่วง
|
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่า
ทำนบนี้เป็นเขื่อนดิน (คันดิน)
สำหรับกั้นน้ำอยู่ระหว่างซอกเขาระหว่าง
เขาพระบาทใหญ่และเขากิ่วอ้ายมา
เพื่อกักน้ำและชักน้ำไปตามคลองส่งน้ำมาเข้ากำแพงเมืองเข้าสระตระพังเงิน
ตระพังทอง
เพื่อนำไปใช้ในเมืองและพระราชวังในสมัยโบราณ
ซึ่งปัจจุบันกรมชลประทานได้ปรับปรุงบูรณะและซ่อมแซมขึ้นใหม่ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
นอกกำแพงเมืองด้านใต้
|
วัดเจดีย์สี่ห้อง |
โบราณสถานที่น่าสนใจคือ
เจดีย์ที่เข้าใจว่าเป็นทรงลังกา
ที่ฐานมีลวดลายปูนปั้นเป็นรูปสิงห์ขี่ช้าง
รูปเทวดาทั้งผู้หญิง
ผู้ชาย ถือแจกันดอกไม้
ลวดลายสวยงามมาก |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดเชตุพน
|
ศิลปกรรมที่น่าสนใจ
คือมณฑปสร้างด้วยหินชนวน
ประดิษฐานพระพุทธรูป
สี่อิริยาบถ คือ
พระพุทธรูปแบบนั่ง ยืน
เดิน นอน
ภายในมณฑปเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
มีการใช้วัสดุทั้งอิฐหินชนวน
ศิลาแลง
ในการก่อสร้างที่ประสานกันอย่างกลมกลืน
ได้มีการพบศิลาจารึกหลักที่
58 จารึกในปี พ.ศ. 2057
กล่าวว่าเจ้าธรรมรังสีสร้างพระพุธรูปในวัดนี้ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
นอกกำแพงเมืองด้านตะวันออก |
วัดช้างล้อม
|
เป็นโบราณสถานที่สำคัญ
มีเจดีย์ทรงกลมแบบลังกาเป็นประธานของวัด
รอบฐานเจดีย์ ประดับด้วย
ปูนปั้นเป็นรูปช้างโผล่ครึ่งตัว
ด้านหน้ามีฐานวิหารก่อด้วยอิฐ
และยังมีฐานกำแพงแก้วก่อด้วยอิฐล้อมรอบ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดตระพังทองหลาง
|
ศิลปกรรมที่สำคัญคือ
มณฑปรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ
ผนังด้านนอกประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์
ตอนประทานเทศนาโปรดพระพุทธบิดากับกษัตริย์ศากยราช
และตอนเสด็จโปรดนางพิมพา
นับเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกของสุโขทัย |
|
-----------------------------------------------------------------
|
บริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ครอบคลุมพื้นที่กว่า 70
ตรกม.
และมีโบราณสถานสำคัญที่น่าชมอีกมากมาย
กรณีนักท่องเที่ยวมีเวลามาก
โบราณสถานที่ควรชม
นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น
ใคร่ขอแนะนำดังนี้
ทิศตะวันออก วัดเจดีย์สูง
วัดเกาะไม้แดง วัดหอดพยอม
ทิศตะวันตก วัดพระบาทน้อย
วัดเจดีย์งาม วัดมังกร
วัดอรัญญิก วัดช้างรอบ
ทิศใต้
วัดศรีพิจิตรกิรติกัลยาราม
วัดต้นจัน วัดอโศการาม
อัตราการเข้าชมโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ20
บาท และการนำยานพาหนะ 4-6
ล้อ
เข้าเขตโบราณสถานต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก
30 บาท ส่วนพาหนะเกิน 6 ล้อ
ไม่อนุญาตให้นำเข้า
กรณีเข้าชมเป็นหมู่เป็นคณะและต้องการวิทยากรนำชม
หรือนักท่องเที่ยวที่
ต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอุทยานฯ
สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
ต. เมืองเก่า อ. เมือง จ.
สุโขทัย 64210 โทร. (055) 613241 |
|