วัดสวนดอก
หรือ วัดบุปผาราม |
อยู่ถนนสุเทพ
อำเภอเมือง
วัดนี้พระเจ้ากือนาทรงสร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ.1914 (ศักราชนี้ถือตาม
หนังสือชินกาลมาลีปกรณ์
ของพระรัตนปัญญาเกตุ)
เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถระสุมน
ผู้ประดิษฐาน
พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์
ในแผ่นดินลานนาไทย
วัดนี้แต่เดิมเป็นพระราชอุทยาน
ของกษัตริย์ลานนาไทย
สมัยแรกเริ่ม
มีสถาปัตยกรรมสำคัญ คือ
เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงกลม
กู่บรรจุอัฐิเจ้าตระกูล ณ
เชียงใหม่และวิหารโถง
นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าเก้าตื้อ
ซึ่งพญาเมืองแก้วโปรดให้หล่อขึ้นเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่
ศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะสุโขทัย |
|
-----------------------------------------------------------------
|
เสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง
|
เป็นหลักเมืองเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่
เมื่อปี พ.ศ. 1839
ปัจจุบันนี้อยู่ตรงหน้าวัดเจดีย์หลวง
เสาอันทขิลนี้ประดิษฐานอยุ่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ
หลักอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่
ฝังอยู่ใต้ดิน
ทุกปีในเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า
งานอินทขิล
เป็นการฉลองหลักเมืองเป็นประจำ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดกู่เต้า |
เดิมชื่อ
วัดเวฬุวนาราม
ตั้งอยู่ในตำบลศรีภูมิ
ติดกับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่
มีเจดีย์ที่มีลักษณะแปลกไปกว่าเจดีย์อื่นๆ
ในเมืองไทย
วัดนี้ไม่มีประวัติแจ้งไว้แน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด
แต่มีตำนานเล่าว่า
เจดีย์กู่เต้านี้เป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสารวดี
ซึ่งเป็นราชโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง
ซึ่งมาครองเมืองเชียงใหม่ในระหว่างปี
พ.ศ. 2122-2150
ลักษณะของเจดีย์องค์นี้คล้ายกับนำผลแตงโม
มาวางซ้อนกันไว้หลายๆ ลูก
ชาวบ้านจึง เรียกว่า
เจดีย์กู่เต้า |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดแสนฝาง
|
ตั้งอยู่ที่ถนนท่าแพ
ซึ่งในสมัยก่อนเป็นย่านการค้าของพ่อค้าชาวพม่า ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใดทราบแต่ว่าเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง
วัดนี้เป็นวัดพม่าจึงมีศิลปะการก่อสร้างแบบพม่า
โดยเฉพาะเจดีย์ที่มีการตกแต่งลวดลายวิจิตรงดงาม
นอกจากนี้ยังมีกุฏิเจ้าอาวาสซึ่งสร้างมานานกว่า 100 ปี
เป็นจุดที่น่าสนใจอีกด้วย ตามประวัติเล่าว่าพระเจ้าอินทวิชยานนท์
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
องค์ที่ 7 โปรดฯ
ให้รื้อที่ประทับของพระเจ้ากาวิโรรสสุริวงศ์
(เจ้าชีวิตอ้าว)
เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
องค์ที่ 6 มาสร้างเมื่อปี พ.ศ.
2420
ครั้นสร้างเสร็จแล้วจึงโปรดฯให้มีการฉลองในปี
พ.ศ. 2421 |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดเจ็ดยอด
หรือ วัดโพธารามวิหาร |
ตั้งอยู่บนนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายเชียงใหม่-ลำปาง
ห่างจากตัวเมือง 4 กม.
เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2020 วัดนี้ทรุดโทรมมาก
และเพิ่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อไม่นานมานี้
สถาปัตยกรรมสำคัญของวัดนี้
ได้แก่ เจดีย์เจ็ดยอด
ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเจดีย์พุทธคยาในประเทศอินเดีย
ที่ฐานเจดีย์ประดับรูปเทวดาปูนปั้น
นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ทรงปราสาท
บรรจุอัฐิพระเจ้าติโลกราช
กษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย
ผู้สร้างวัดนี้ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดอุโมงค์
|
ตั้งอยู่ที่ถนนสุเทพ
ในตัวเมืองเชียงใหม่
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ามังรายเมื่อราวปี
พ.ศ. 1839
และได้บูรณะเพิ่มเติมในสมัยพระเจ้ากือนา
เป็นวัดที่มีอนาเขตกว้างขวาง
มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เป็นแนวยาวคล้ายกำแพงมีเจดีย์ก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่
ปัจจุบันปรับปรุงบริเวณเป็นสวนพุทธธรรม
ร่มรื่นด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดเชียงมั่น
|
อยู่ถนนราชภาคินัย
อำเภอเมือง
เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดภายในตัวเมืองเชียงใหม่
เมื่อพญามังรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่เมื่อ
พ.ศ. 1839
พระองค์ทรงยกพระตำหนักที่ประทับชื่อ
ตำหนักเชียงมั่น
ถวายเป็นพระอารามให้ชื่อว่า
วัดเชียงมั่น
วัดนี้เป็นที่ประดิษฐาน
ของพระพุทธรูปสำคัญของเชียงใหม่
คือ พระเสตังคมณี
หรือพระแก้วขาว
ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่
มีสถาปัตยกรรมสำคัญ
ได้แก่
เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม
ฐานช้างล้อม พระอุโบสถ
และหอไตร
และที่สำคัญคือเจดีย์ทรงระฆังฐานสี่เหลี่ยมและมีช้างล้อมที่ฐานหมายความว่าค้ำจุนพระพุทธศาสนาไว้ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดตำหนัก (วัดศิริมังคลาจาร์ย หรือวัดสวนขวัญ) |
สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี
พ.ศ. 2050
ในสมัยพระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิราช
(พระเมืองแก้ว)
กษัตริย์องค์ที่ 13
แห่งราชวงศ์เม็งราย
อาศรมแห่งนี้เป็นที่จำพรรษาของพระศิริมังคลาจารย์ผู้นิพนธ์พระคัมภีร์
"มังคลัตถทีปนี"
ปัจจุบันนี้ชำรุดทรุดโทรมปรักหักพังลงแล้ว |
-----------------------------------------------------------------
|
วัดเจดีย์เหลี่ยมหรือเจดีย์กู่คำ
|
อยู่บนถนนสายเกาะกลาง
อำเภอเมือง
สร้างขึ้นในรัชสมัยของ
พระเจ้าเม็งราย เมื่อปี พ.ศ.
1831 กล่าวคือ
หลังจากที่พระองค์ได้ยกทัพมาตีเมืองลำพูนแล้ว
พระองค์ทรงมอบเมืองลำพูน
ให้อำมาตย์คนสนิทชื่ออ้ายฟ้า
ครองเมืองแทน
ส่วนพระองค์ก็ยกทัพไปสร้างเมืองใหม่
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
อยู่ได้ 5 ปี
พระองค์ก็ยกทัพไปสร้างเมืองใหม่อยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำปิง
เมื่อปี พ.ศ. 1820
ให้ชื่อเมืองนี้ว่า
เวียงกุมกาม จนถึงปี พ.ศ.
1830 พระองค์โปรดฯ
ให้ช่างไปถ่ายแบบพระเจดีย์มาจากวัดจามเทวีลำพูน
เพื่อนำมาสร้าง
ให้เป็นที่สักการะแก่คนทั้งหลาย
โดยสร้างเจดีย์องค์นี้
มีฐานกว้าง 8 วา 1 ศอกสูง 22
วา
มีพระพุทธรูปบรรจุอยู่ในซุ้มทั้ง
4 ด้าน ๆ ละ 15 องค์ รวม 60 องค์
หลังจากนั้นมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
วัดนี้ได้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างจนถึงปี
พ.ศ. 2415
มีคหบดีชาวพม่าคนหนึ่งได้มาเห็นเข้าเกิดความเลื่อมใสได้บูรณะขึ้นใหม่
โดยให้ช่างชาวพม่าเป็นผู้ดำเนินการ
จึงมีศิลปะแบบพม่าเข้ามาแทนที่ศิลปะแบบขอม
ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิม
คงมีแต่โครงสร้างที่ยังเป็นรูปเดิมอยู่เท่านั้น |
|
-----------------------------------------------------------------
|
เวียงกุมกาม
|
เป็นเมืองโบราณ
ที่พญามังราย
(พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.
๑๘๒๙
โดยโปรดฯให้ขุดคูเวียงทั้ง
4 ด้าน
ใขน้ำแม่ปิงให้ขังไว้ในคูเวียง
มีโบราณสถาน
ปรากฏอยู่ประมาณ ๒๐ แห่ง
ทั้งที่เป็น
ซากโบราณสถาน และเป็นวัด
ที่มีพระสงฆ์อยู่
ที่สำคัญได้แก่
วัดเจดีย์เหลี่ยม
วัดช้างค้ำ และ ซากเจดีย์
วัดกุมกาม วัดน้อย
วัดปู่เตี้ย วัดกู่ขาว
วัดอีก้าง
ซึ่งรูปแบบทางศิลปกรรม
และสถาปัตยกรรมนั้นมีทั้งแบบรุ่นเก่า
และสมัยเชียงใหม่รุ่งเรืองปะปนกันไป
เวียงกุมกาม ตั้งอยู่ทาง
ทิศตะวันออกเฉียงใต้
ของเมืองเชียงใหม่
ประมาณ ๓-๔ กิโลเมตร
ตามถนนเชียงใหม่-ลำพูน
ด้านขวามือ
ในเขตตำบลท่าวังตาล
อำเภอสารภี
และอยู่ใกล้ผั่งด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง |
|
----------------------------------------------------------------
|
ศูนย์ศิลปะการแสดงกาดสวนแก้ว
|
ตั้งอยู่ในอุทยานการค้ากาดสวนแก้ว
สร้างขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง
ในการนำเสนอกิจกรรมทางศิลปะ
และวัฒนธรรม
และเผยแพร่ความรู้ทางศิลปะการแสดง
ประกอบด้วยสถาบันศิลปะการแสดง
ห้องสมุด หอศิลป์ วงดนตรี
คณะละคร รวมทั้ง
โรงละครกาดสวนแก้ว
ซึ่งเป็นโรงละครที่มีการออกแบบ
และใช้อุปกรณ์ทางเทคนิคที่ทันสมัย
เปิดแสดงละครทั้งของไทยและต่างประเทศ
สอบถามรายละเอียดและจองบัตรได้ที่
โทร (053) 894696-8 กรุงเทพฯ โทร 02-243-51789-85,
02-243-0095-7 |
|
----------------------------------------------------------------
|
ชุมชนวัดเกตุ |
เป็นชุมชนโบราณที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันออกเกิดจากชนหลายเชื้อชาติ
ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ชาวฝรั่ง และชาวพื้นใอง
สามารถดูได้จากหลายรูปแบบของสถาปัตยกรรม
ที่ยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันนี้
มีวัดเกตุการามอยู่ศูนย์กลางระหว่างชุมชน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
เริ่มขึ้นอย่างจริงจังช่วงหลัง พ.ศ. 2339
หรือหลังการสถาปนาเมืองเชียงใหม่เป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง
ก่อนหน้าที่รถไฟจะมาถึงเชียงใหม่ที่นี่เป็นชุมชนที่เป็นท่าน้ำส-คัญของการเดินทางทางเรือระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์
(กรุงเทพฯ) มายังเมืองเชียงใหม่ และเมืองอื่น ๆ ที่อยู่ทางใต้ลงไป
ย่านวัดเกตุจึงเริ่มมีความสำคัญ มากขึ้นเรื่อย ๆ
ตามความจำเป็นทางเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ในยุตนั้น
สถานที่รวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชุมชนนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัดเกตุ
ตั้งอยู่ที่วัดเกตุการาม สิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ คือ
สมบัติเดิมของวัด เช่น ช่อฟ้า ใบระกา ซึ่งเป็นไม้แกะสลักจากโบสถ์เดิม
ถ้วยชามฝาจีบ ภาชนะต่าง ๆ เป็นต้น พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน เวลา 08.00 -
16.00 น. |
-----------------------------------------------------------------
|
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเชียงใหม่
|
ตั้งอยู่บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์
(สายเชียงใหม่-ลำปาง)
ใกล้ๆ กับวัดเจ็ดยอด
เป็นตึกทรงลานนาไทยประยุกต์
ตั้งเด่นอยู่ริมถนน
ภายในเป็นบริเวณกว้างขวางร่มรื่น
ในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งน่าสนใจและศึกษามากมาย
รวบรวมไว้ซึ่งศิลปะ
และวัฒนธรรม ของภาคเหนือ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน
เวลา ๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.
ปิดวันจันทร์ อังคาร
และวัดหยุดนักขัตฤกษ์ |
|
----------------------------------------------------------------
|
วัดเจดีย์หลวง
|
เป็นวัดที่มีเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ ก็คือ วัดเจดีย์หลวง
ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมือง วัดนี้สร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าแสนเมืองมา
กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์เม็งราย
พระองค์โปรดฯให้ช่างสร้างเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ สูงถึง 88 เมตร ฐานกว้างด้านละ
54 เมตร แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 1954 ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภา
ครองเมืองเชียงใหม่ ได้เกิดแผ่นดินไหวทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง เมื่อปี 2008
วิหารด้านหน้าของวัดนี้ เจ้าคุณอุบาลี คุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ)
และเจ้าแก้วนวรัฐ เป็นผู้สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหาร
มีบันไดนาคเลื้อยลงมางดงามยิ่ง
ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร
นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่มากที่มีตั้งแต่เดิม
ได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุดของภาคเหนือ |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดพวกหงษ์ |
ถนนสามล้าน
(ในซอยตรงข้ามซอยสามล้าน 7) ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง
สิ่งที่น่าสนใจคือ
วัดนี้มีเจดีย์โบราณซึ่งพบว่ามีเพียงสามวัดในเชียงใหม่คือ วัดพวกหงษ์
วัดร่ำเปิง และวัดเจดีย์ปล่อง มีลักษณะเป็นทรงกลม
ก่ออิฐถือปูนฐานเป็นสี่เหลี่ยมหนึ่งชั้น
เหนือขึ้นไปเป็นฐานทรงกลมสามชั้น และมีองค์เจดีย์เป็นทรงกลมซ้อนกัน 7
ชั้น จากใหญ่ไปหาเล็ก โดยรอบเป็นซุ้มพระพุทธรูปรวม 52 ซุ้ม
ตามประวัตเจดีย์นี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2030 สมัยพระเจ้ายอดเชียงราย
และได้รับการบูรณะสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พ.ศ. 2364
นอกจากนี้ที่วัดยังเก็บรักษาคัมภีร์ธรรมเก่าแก่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องผี
และมูลศาสนา |
-----------------------------------------------------------------
|
คุ้มเจ้าบุรีรัตน์
(มหาอินทร์) |
ถนนพระปกเกล้าด้านที่ตัดกับถนนราชดำเนิน ต.ศรีภูมิ
อ.เมือง
เจ้าบุรีรัตน์เป็นตำแหน่งทางราชการคุ้มเจ้าบุรีรัตน์หลังนี้คาดว่าสร้างขึ้นระหว่าง
พ.ศ. 2432-2436 ปัจจุบันตกเป็นของตระกูล กิติบุตรและทิพย์มณฑล
ซึ่งมอบให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดตั้งเป็นศูนย์สถาปัตยกรรม
ภายใต้การดูแล จัดการ และดำเนินงานของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
เพื่อเก็บข้อมูลและค้นคว้า วิจัย
อันนำไปสู่แนวทางในการอนุรักษ์ที่ถูกต้อง |
-----------------------------------------------------------------
|
วัดอุปคุต
|
ตั้งอยู่ถนนท่าแพ
ด้านสะพานนวรัฐ ลงจากสะพานสี่แยกมาประมาณ 10 เมตร
จะพบวัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ สิ่งที่น่าสนใจคือ
ประเพณีใส่บาตรพระอุปคุต
ชาวเหนือเชื่อว่าหากเดือนใดมีวันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธ หรือที่เรียกว่า
"เป็งพุธ"
พระอุปคุตจะปลอมเป็นเณรมาบิณฑบาตรตอนเที่ยงคืนชาวบ่านเชื่ว่าหากได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะได้บุญมากจึงมีประเพณีใส่บาตรตอนเที่ยงคืน |
-----------------------------------------------------------------
|
วัดพระธาตุดอยคำ |
ตำบลแม่เหี๊ยะ อำเภอเมือง
เดินทางไปได้ตามเส้นทางเรียบคลองชลประทาน
จะมีป้ายบอกข้ามคลองไปทาง ต.แม่เหี๊ยะตามประวัติ เมื่อ พ.ศ.
2509 ว่า ขณะนั้นวัดดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมา
กรุแตกชาวบ้านพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทราย
ปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ
วัดพระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชาของคนท้องถิ่นแล้ว
ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้กำหนดพื้นที่ทางสายตา
ก่อยที่จะลงจอดที่สนามบิน |
-----------------------------------------------------------------
|
ศาลาธนารักษ์
1 |
เลขที่ 52 ถนนราชดำเนิน ต.ศรีภูมิ จ. เชียงใหม่
รวบรวมและจัดแสดงทรัพย์สินโบราณอันมีค่า ประกอบด้วยเงินตราไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
รวมทั้งเป็นศูนย์รับแลก-จ่ายแลกเหรียญกษาปณ์และตรวจพิสูจนเหรียญกษาปณ์
และธนบัตรไทย เปิดทำการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-15.30 น.
โทร 053-200655, 081-8836713, 053-215026 |
-----------------------------------------------------------------
|
พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณสบันงา |
ภายในศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ เลขที่ 185/20 ถนนวัวลาย
ประตูหายยา (ซ้ายมือก่อนถึงสี่แยกไปอำเภอหางดง)
จัดแสดงผ้าโบราณกว่า 1,000 ชิ้น ทั้งผ้าพื้นบ้านและจากราชสำนัก
เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ เวลา 10.30-18.30 น. โทร 053-200655,
081-8836713, 053-215026 |
-----------------------------------------------------------------
|
วัดปราสาท |
ตั้งอยู่ที่ถนนอินทวโรรส ซ. 3
อำเภอเมือง ใก้ลกับวัดพระสิงห์
จากวัดพระสิงห์สามารถเดินไปได้ใช้เวลา 10 นาที จุดเด่น คือ
วิหารซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดั้งเดิม
ที่หน้าบันมีวิหารมีลวดลายปูนปั้นประดับกระจกสี
และไม้แกะสลักรูปสิงห์ฝีมือประณีต
ซุ้มปราสาทที่ประดิษฐานพระประธานเป็นศิลปะล้านนาโบราณที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่ง |
-----------------------------------------------------------------
|
พิพิธภัณฑ์แมลงโลกและสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติ |
รวบรวมแมลงชนิดต่างๆ
จากทั้งในประเทศปละต่างประเทศ เช่น ด้วง กว่าง ผีเสื้อ ตั๊กแตน
นอกจากแมลงแล้ว ยังมีซากพืชและสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างๆ
และหินสะสมสวยงามประเภทต่างๆ ไว้ด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้พิพิธภัณฑ์นี้มีความเป็นพิเศษขึ้นมาอีก คือ
เป็นแหล่งรวมยุงในประเทศไทยสี่ร้อยกว่าชนิดที่ใช้เวลาสี่สิบกว่าปีในการรวบรวม
เพื่องานวิจัยทางการแพทย์ ที่ตั้ง 72 ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 13
(ศิริมังคลาจารย์ ซอย 3) ตำบลสุเทพ โทร. 053211891 ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ 100 เด็ก 50 เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น.
|
-----------------------------------------------------------------
|
ถนนคนเดินวัวลาย เชียงใหม่ |
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ใกล้กับประตูเมืองเชียงใหม่
เปิดเฉพาะวันเสาร์ เวลาประมาณ 17.00 - 22.00 ถนนที่ขึ้นชื่อว่า
เป็นถนนสายเครื่องเงินย่านเก่าแก่ของเมืองเชียงใหม่
จุดเด่นของถนนคนเดินแห่งนี้อยู่ที่มีสินค้าเฉพาะกลุ่มให้เลือก
นั่นคือ ผลิตภัณฑ์เครื่องเงินอันเป็นเอกลักษณ์เด่นของย่านนี้
โดยสามารถเดินเลือกซื้อเครื่องเงินสวย ๆ หลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นของใช้เครื่องประดับ
หรือของตกแต่งบ้านอย่างสบายอารมณ์
เพราะเป็นสินค้าพื้นเมืองจากผู้ผลิตโดยตรง
ทุกวันจะมีการแสดงโชวร์บนเวทีเกี่ยวกับวัฒนธรรมล้านนา
บนเสน่ห์ถนนวัวลายทั้งแถบ ยาวกว่า 3 ก.ม. |
|
-----------------------------------------------------------------
|
สนามบิน เชียงใหม่ |
ท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็น 1 ใน 6 สนามบิน ภายใต้การกำกับดูเเลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) เช่นที่ได้กล่าวไว้ว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นประตูหลักสู่ดินเเดนที่สวยงาม เเละเต็มอิ่มไปด้วยวัฒนธรรมทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริม เรื่องของการท่องเที่ยวทั่วภูมิภาคตอนเหนือ โดยมีสายการบินบริการ 9 สายการบินผู้โดยสารมากกว่า 2,000,000 คนเที่ยวบินกว่า 15,000 เที่ยวบิน เเละบริการขนถ่ายสินค้ามากกว่า 16,000 ตัน |
|
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดพันเตา |
วัดพันเตา ตั้งอยู่บนถนนพระปกเกล้า ติดกับวัดเจดีย์หลวง วิหารเดิมเป็นหอคำหรือท้องพระโรงหน้าของพระเจ้ามโหตรประเทศ เป็นอาคารเครื่องไม้แบบพื้นเมือง ซุ้มประตูประดับไม้แกะสลักรูปนกยูงอันเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายฝ่ายเหนือซึ่ง มองดูวิจิตรและสง่างาม อยู่ในเขตตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง ฯ ไม่ปรากฏว่าสร้างขึ้นเมื่อใด มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าได้ใช้เป็นที่ตั้งเตาหลอม ในการหล่อพระอัฏฐารสในวิหารวัดเจดีย์หลวง จึงได้ชื่อว่าวัดพันเตา ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2348 สาธุคัมภีระวัดพันเตาได้ถูกยกขึ้นเป็นสวามีสังฆราชาตั้งแต่นั้นมา วัดพันเตาคงมีความสำคัญมาก จนได้เป็นหัวหน้าหมวดอุโบสถ แม้แต่วัดเจดีย์หลวง ซึ่งเป็นวัดใหญ่ก็ยังขึ้นอุโบสถวัดพันเตาด้วย |
|
-----------------------------------------------------------------
|
วัดมหาวัน |
เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเชียงใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคนเชียงใหม่ในสมัยก่อน ตำนานเกี่ยวกับการสร้างวัดมหาวันว่า เป็นวัดที่สร้างในสมัยของพระเจ้ากาวิละเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชคืน หลังจากที่เชียงใหม่ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานถึง 200 ปี สิ่งที่น่าสนใจ พระเจ้าโต หรือ วิหารหลวง ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลปกรรมแบบพม่า |
|
-----------------------------------------------------------------
|
Art In Paradise Chiang Mai |
Art in Paradise พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ แห่งแรกในเชียงใหม่ ก่อตั้งโดย คุณ จาง คยู ซอก (Mr. Jang Kyu Suk) ชาวเกาหลีใต้ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยจิตรกรชาวเกาหลีมืออาชีพที่มีผลงานชนะเลิศระดับประเทศกว่า 10 ท่าน ร่วมกันเนรมิตพิพิธภัณฑ์แห่งจินตนาการ สร้างจิตรกรรมบนฝาผนังเสมือนจริง ที่ต้องใช้เทคนิคการวาดภาพให้สามารถลวงตาผู้ชมได้ (Illustion Art) สามารถทำให้ผู้ชมสัมผัส และมีส่วนร่วมกับผลงานศิลปะได้อย่างใกล้ชิด (Interactive Art) ให้ความรู้สึกที่เหมือนจริง ประหนึ่งว่าผู้ชมเป็นส่วนหนึ่งของภาพจิตรกรรม (Realistic Art) |
|
|
|