ศาลหลักเมือง |
ศาลหลักเมืองเดิมเป็นเสาไม้
ยาวประมาณ 1 เมตรเศษ ปลายเสาแกะสลักเป็นรูปดอกบัว
ตั้งอยู่บริเวณกำแพงเมืองเก่า ปัจจุบันคือ
บริเวณบ้านพักผู้ช่วยที่ดินจังหวัด และศูนย์บริการสาธารณสุข เทศบาล
ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2453 ทางราชการเห็นว่าศาลหลักเมืองเดิมชำรุดมาก
จึงได้ย้ายหลักเมืองไปประดิษฐานที่ตึกแดงในโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดคือ
โรงเรียนศรีนครนายกภายหลังได้ย้ายมาสร้างใหม่ ณ สถานที่ปัจจุบัน
โดยสร้างเป็นศาลาจตุรมุข และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน
คู่เมืองของชาวจังหวัดนครนายกจนถึงทุกวันนี้ |
-----------------------------------------------------------------
โรงเรียนนายร้อย
พระจุลจอมเกล้า |
ตั้งอยู่ที่ตำบลพรหมณี
ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 14 กม. และห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางหลวงสายพหลโยธิน
และทางหลวงหมายเลข 33 เส้นหินกอง-นครนายก รวมระยะทางประมาณ 140 กม.
บริเวณโรงเรียนอยู่ติดกับเขาชะโงก มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่
เป็นสถานที่ให้การศึกษา
แก่ผู้ที่จะรับราชการเป็นายทหารสัญญาบัตรแห่งกองทัพไทย
และภายในโรงเรียนนายร้อย จปร. แห่งนี้มีสถานที่น่าสนใจ ได้แก่
-
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ประดิษฐานไว้หน้าบริเวณกองบัญชาการ รร.จปร. บนเขาชะโงก
เพื่อความเป็นสิริมงคลในฐานะ ที่พระองค์ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิด
รร.จปรพระบรมรูปอยู่ในฉลองพระองค์เครื่องแบบจอมทัพไทยแห่งกองทัพบกเต็มยศ
ประทับเหนือ พระราชอาสน์
-
ศาลาวงกลม ประวัติศาลาวงกลม หรือศาลาลม
จอมพลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ
ทรงดำริให้จัดสร้างขึ้น เพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อยใจของนักเรียนนายร้อย
และภายในศษลาวงกลมได้ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5
-
อาคารพิพิธภัณฑ์ โรงเรียนนายร้อย จปร. 100
ปี
เป็นที่แสดงนิทรรศการ
ผู้จบจากโรงเรียนนายร้อยที่ทำประโยชน์ให้บ้านเมือง
และนิทรรศการเกี่ยวกับสงครามต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ทำสงครามในอดีต
เครื่องแบบนายทหารของกองพลต่าง ๆ รวมทั้งพระบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งรัชกาลที่ 5
เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท
-
ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน
ตั้งอยู่บนชะง่อนหิน ตำบลพรหมณี เลยทางเข้าโรงเรียนนายร้อย
จปร. มาเล็กน้อยทางด้านขวามือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
มีประชาชนเคารพนับถือมาก ตามประวัติท่านเป็นนายด่านเมืองนครนายก
สมัยกรุงศรีอยุธยา วีรกรรมของท่าน คือ การต่อต้านเขมรที่แปรพักตร์
เมื่อปี พ.ศ.2130 ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ขณะที่ไทยติดพันศึกกับพม่า เขมรได้เข้ามารุกราน
และกวาดต้อนผู้คนแถบปราจีนบุรีเพื่อนำกลับไปเขมร
โดยได้ยึดเมืองปราจีนบุรี และเมืองนครนายก
ขุนด่านได้รวบรวมผู้คนชาวเมืองนครนายกถอยไปตั้งหลักที่เขาชะโงก
แล้วยกกำลังเข้าขับไล่เขมรออกจากนครนายกจนเขมรแตกพ่ายไป
ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อขุนด่านยังมีเรื่องเล่าอีกว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่
2 ญี่ปุ่นนำกำลังพลไปตั้งที่เขาชะโงก
และได้รื้อศาลเจ้าพ่อขุนด่านเจ้าพ่อขุนด่านได้แสดงอภินิหารทำให้ทหารญี่ปุ่นล้มตายเป็นจำนวนมาก
-
พระพุทธฉาย หรือวัดพระฉาย
แต่เดิมชื่อว่า "วัดเขาชะโงก" เป็นภาพเขียนสี
ติดอยู่กับชะโงกผาบนภูเขาเตี้ย ๆ ถัดจากเขาชะโงก
ตั้งอยู่ในเขตท้องที่พรหมณี
พระพุทธฉายนี้ประวัติเดิมเป็นอย่างไรไม่ปรากฏแต่เล่ากันว่าสภาพเดิม
เป็นภาพพระพุทธรูปปรางต่าง ๆ ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2485 กรมแผนที่ทหารบก
ได้เข้าไปตั้งโรงงาน หินอ่อนที่เชิงเขานี้
และได้เขียนตามรอยพระพุทธรูปเดิมให้ชัดเจนขึ้นราษฎรบริเวณนั้นถือว่า
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัดนครนายก ทุกกลางเดือน 3
จะมีงานนมัสการเป็นประจำทุกปี
การเดินทาง ทางด้านหลังวัดจะพบ "น้ำตกพระฉาย" เป็นน้ำตกเล็ก ๆ
ตกลงมาเป็นสายจากผาสูงประมาณ 30 เมตร
มายังแอ่งน้ำเบื้องล่างเล่นน้ำได้จะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝนนอกจากการเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจดังกล่าวแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมกีฬาที่เปิดให้
บุคคลภายนอกใช้บริการได้ เช่น ยิงปืน โดยมีสนามยิงปืนมาตรฐาน
เรือแคนูและเลื่อนช่วยชีวิต ใช้สถานที่อ่างเก็บน้ำในโรงเรียน กอล์ฟ
โดยมีสนามกอล์ฟ 18 หลุม และสำหรับผู้ที่ต้องการจัดกิจกรรมกลุ่มเช่น
เดินป่าและพักแรมที่เขาชะโงก กิจกรรมไต่หน้าผาจำลองและหน้าผาจริง
ต้องติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน มีบ้านพักรับรอง
ร้านอาหารสโมสรนายทหาร สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์บริการท่องเที่ยว
อาคารสมาคม แม่บ้านทหารบกสาขา จปร.ทุกวันระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น.
โทร. (037) 393010-5 ต่อ 62961-2
|
-----------------------------------------------------------------
หลวงพ่อเศียรนคร |
ประดิษฐานอยู่ ณ
วัดบุญนาครักขิตาราม (วัดต่ำ) ตำบลนครนายก เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่
เลื่อมใสศรัทธาของชาวจังหวัดนครนายก สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยพระร่วง
ขุดพบเมื่อ พ.ศ. 2495 ณ บริเวณโรงกลั่นสุราจังหวัดนครนายก
ซึ่งตั้งอยู่ใกล้วัดนางหงษ์ ตำบลท่าช้าง โดยขุดพบแต่เศียรไม่มีองค์
และได้นำไปไว้ที่โรงเรียนนายกพิทยา (ปัจจุบันยุบไปแล้ว)
ต่อมาได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบุญนาครักขิตาราม มาในปี พ.ศ. 2511 นางผล
รอดอุไร มีศรัทธาสร้างองค์พระ และอุโบสถถวาย
จึงได้ถวายพระนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า "หลวงพ่อเศียรนคร"
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา |
-----------------------------------------------------------------
รอยพระพุทธบาทจำลอง เขานางบวช |
อยู่ในมณฑปบนขอดเขา
นางบวชตั้งอยู่ในท้องที่ ต.สาริกาห่างจาก ตัวจังหวัดประมาณ 9 กม. เขานางบวช
สูงประมาณ 100 เมตร ทางขึ้นมีบันไดคอนกรีตจากเชิงเขาถึงมณฑป 227 ชั้น
รอยพระพุทธบาทนี้สร้างไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2401 แรม 8 ค่ำ เดือน 12 ปี ระกา
มีงานเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทในกลางเดือน 5 ของทุกปี |
-----------------------------------------------------------------
แหล่งโบราณคดีบ้านดงละคร
หรือเมืองดงละคร |
ตั้งอยู่ที่ตำบลดงละคร
ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 9 กม.
แต่เดิมเรียกกันว่า "เมืองลับแล" เป็นสถานที่ตั้งเมืองโบราณ
สมัยขอมมีอำนาจแนวกำแพงเป็นเนินดิน และคูเมืองปรากฏอยู่ ชาวบ้านเรียกกันว่า
"สันคูเมือง" เป็นกำแพงเมืองสูง 2 ชั้น และะมีคูน้ำล้อมรอบ
ซึ่งเป็นแบบเมืองทวารวดีทางภาคกลางของไทย ความรุ่งเรืองที่เด่นชัด
แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรก เริ่มพุทธศตวรรษที่ 14-16
เป็นวัฒนธรรมแบบทวารวดี ช่วงที่สองราวพุทธศตวรรษที่ 17-19 เป็นวัฒนธรรมเขมร
และวัฒนธรรมก่อนอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 19 ชาวบ้านดงละคร
คงจะอพยพไปตั้งถิ่นฐาน ตามลำน้ำ สายหลักในจังหวัดนครนายก
สันนิษฐานว่าน่าจะมีความสำคัญเกี่ยวข้องกับเมืองศรีมโหสถ
เมืองทั้งสองอยู่ห่างกัน 55 กม. โบราณวัตถุที่ค้นพบ เช่น
เศียรพระพุทธรูปกะไหล่ทองขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ตราประทับหัวแหวนรูปปู
รูปช้าง แหวน สำริด ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน ตุ้มหูสำริด
สำหรับตำนานเมืองลับแลนั้นเล่ากันว่า เมืองนี้เคยเป็นเมืองของราชินีขอม
ซึ่งเป็นรโหฐานที่ผู้อื่นไม่สามารถเข้าออกได้ง่ายนัก
ประกอบกับลักษณะของบริเวณเมืองมีต้นไม้สูง ๆ ขึ้นอยู่ทั่วไป
ใครเข้าไปแล้วอาจหลงทางหาทางออกไม่ได้จะต้องวนเวียนอยู่ในดงนั้นเอง
และในวันโกน วันพระ วันดีคืนดี จะได้ยินเสียงกระจับปี่ สีซอ ปี่พาทย์
มโหรีขับกล่อมคล้าย ๆ กับมีการเล่นละครในวัง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า
"ดงละคร" ซึ่งเพี้ยนมาจาก"ดงนคร"
และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8
มีนาคม พ.ศ. 2478 |
-----------------------------------------------------------------
อนุสรณ์สถานกองพล ทหารญี่ปุ่นที่ 37 |
อยู่ที่วัดพรหมณี ตำบลสาริกา
ประมาณกม.ที่ 5 ทางไปน้ำตกสาริกา-นางรอง จัดสร้างโดยสมาคม ทหารสหายสงคราม
กองพลญี่ปุ่นที่ 37 เมื่อปี พ.ศ. 2535
เพื่อเป็นที่ระลึกถึงดวงวิญญาณของบรรดาทหารซึ่งสังกัดในอดีต
กองพลญี่ปุ่นที่ 37 จำนวน 7,920 นาย
ซึ่งเสียชีวิตในระหว่างสงครามเอเชียบูรพา เมื่อปี พ.ศ. 2482-2488
โดยทำการนำอัฐิที่ฝั่งอยู่ในบริเวณวัดมาบรรจุในแท่นที่จัดสร้างขึ้น
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีสวนสัตว์จำลอง โดยมีปูนปั้นสัตว์ป่ามากมาย
อาทิ ช้าง โค กระบือ เก้ง กวาง และยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่
ซึ่งเล่ากันว่าชาวลาวอพยพได้อัญเชิญมาเมื่อสมัยเวียงจันทน์แตก
ซึ่งเรียกกันว่า "พระพุทธรูปปากแดง"
|
|
-----------------------------------------------------------------
น้ำตกลานรัก (น้ำตกตาดหินกอง) |
ตั้งอยู่ในตำบลพรหมณี
ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปน้ำตกสาริกา และ น้ำตกนางรอง
โดยแยกซ้ายที่สี่แยกประชาเกษม ประมาณหลักกม.ที่ 8
และเดินทางต่อด้วยถนนลูกรังอีกประมาณ 5 กม. ก็จะถึงบริเวณตัวน้ำตก
ซึ่งเกิดจากสายธารเล็ก ๆ ไหลผ่านลานหิน ในช่วงสุดท้ายไหลพุ่งเป็นทางยาว
ผ่านลานหินที่กว้างเลียบตรงเชิงเขาเตี้ย ๆ อย่างสวยงาม
และแปลกไปจากน้ำตกแห่งอื่น ๆ มีน้ำเฉพาะในฤดูฝน |
-----------------------------------------------------------------
น้ำตกสาริกา
|
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลสาริกา
ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ น้ำตกสาริกาเป็นน้ำตก
ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่
สายน้ำไหลตกจากหน้าผาเป็นทอด ๆ สูงถึง 9 ชั้น ผาที่สูงที่สุดสูงประมาณ
200 เมตร แต่ละชั้นมีอ่างรับน้ำ มีน้ำมากในฤดูฝน ส่วนฤดูแล้งน้ำจะแห้ง
บริเวณด้านล่างของน้ำตก มีบริการร้านอาหาร และร้านจำหน่ายของที่ระลึก
สินค้าพื้นเมือง เช่น ไม้กวาด ดอกไม้ที่ทำจากไม้โสนป่า ฯลฯ า
นักท่องเที่ยวเข้าชมต้องเสียค่าผ่านทาง คนละ 20 บาท
การเดินทาง
ไปน้ำตกสาริกาสะดวกมาก โดยทางหลวงหมายเลข 3049 เป็นระยะทางประมาณ 12
กม. แยกซ้ายเข้าทางหลวง 3050 อีกประมาณ 3 กม.
และมีรถโดยสารประจำทางสายนครนายก-น้ำตกสาริกา วิ่งวันละหลายเที่ยว
ในบริเวณ ใกล้เคียงกันมี "ถ้ำสาริกา"
ซึ่งเป็นสถานที่ที่อาจารย์มั่น ภูริฑตฺโต เคยมาบำเพ็ญศาสนธรรม ระหว่าง
พ.ศ. 2460-2463 สภาพบริเวณเป็นเนินเขาภายในบริเวณประกอบด้วยกุฏิของสงฆ์
และชี เรือนบูชาหลวงปู่มั่น
พร้อมด้วยโบสถ์ซึ่งอยู่ตอนสุดทางเดินเท้าขึ้นเขา |
|
-----------------------------------------------------------------
วังตะไคร้
|
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง ใกล้กับน้ำตกนางรอง อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 16
กม. เป็นของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิต และหม่อมราชวงศ์หญิงพันธุ์ทิพย์
บริพัตร เป็นอุทยานที่ได้รับการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้ดอก
ไม้ประดับนานาพันธุ์ ในเนื้อที่ 1,500 ไร่
มีถนนให้รถยนต์วิ่งเข้าชมในบริเวณได้
เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไปทั้งประเภทเช้าไปเย็นกลับ และประเภทค้างแรม
โดยคิดค่าผ่านประตูดังนี้
-รถบัส 500 บาท
-รถตู้, ปิคอัพ (ไม่เกิน 10 คน) 100 บาท
-รถยนต์ส่วนบุคคล (ไม่เกิน 5 คน) 50 บาท
-บุคคล คนละ 5 บาท
ปิดทำการเวลา 17.00 น.
มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ราคา ตั้งแต่ 500-2,000 บาท สนใจติดต่อ
วังตะไคร้ โทร.037-312275 หรือ วังสวนผักกาด โทร.02-2454934
|
|
-----------------------------------------------------------------
น้ำตกนางรอง
|
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลหินตั้ง อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ไปประมาณ 20 กม. น้ำตกนางรองอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เป็นน้ำตกขนาดกลางที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ ไม่สูงนัก
มีความสวยงามและเป็นธรรมชาติ
การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 3049
จากตัวเมืองมีรถโดยสารประจำทางสายนครนายก-นางรอง วิ่งทุกวันละหลายเที่ยว
การเข้าชมน้ำตกนางรอง นักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าบำรุงสถานที่ดังนี้
-รถยนต์โดยสาร (รวมบุคคล) 100
บาท
-รถยนต์เล็ก (รวมบุคคล) 30 บาท
-รถตู้ 50 บาท
-รถจักรยานยนต์ 10 บาท
-บุคคล คนละ 3 บาท
|
|
-----------------------------------------------------------------
อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ |
อยู่ที่ต.เขาพระ
แยกซ้ายมือจากถนนไปน้ำตกสาริกา-นางรอง ตรงหลักกมที่ 1 ไปตามถนนเขาทุเรียน
ระยะทางประมาณ 11 กม. เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก
แต่มีผิวน้ำกว้างมีน้ำตลอดปีมีถนนรอบอ่างภูมิประเทศโดยรอบยังมีความงามตามธรรมชาติ
ททท
กำลังสนับสนุนให้การพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อยใจของประชาชนและใช้เป็นศูนย์กีฬาทางน้ำของจังหวัดเนื่องจากมีศักยภาพในการเล่นเรือกรรเชียง
เรือแคนูน้ำเรียบ เรือใบ และวินด์เซริฟ ในบางฤดู |
-----------------------------------------------------------------
อ่างเก็บน้ำทรายทอง |
อยู่ที่ต.เขาพระ
ไปทางเดียวกับอ่านเก็บน้ำ ห้วยปรือเลยมา อีก 4 กม.
เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กภูมิประเทศเป็นภูเขาคงความสวยงามตามธรรมชาติ
เหนืออ่างเก็บน้ำ ขึ้นไปประมาณ 2 กม. มีน้ำตกชื่อ น้ำตกทรายทอง
เป็นน้ำตกขนาดเล็กแต่มีน้ำเกือบตลอดปีต้องเดินเท้าเข้าไปจากอ่างเก็บน้ำ
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที |
|