ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
|
อยู่ที่ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง สร้างขึ้นเมื่อ
พ.ศ. 2356 เป็นหลักเมืองเก่าของอำเภอพระประแดง
ในสมัยเมื่ออำเภอนี้มีฐานะเป็นเมือง
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งซึ่งชาวเมืองเคารพนับถือมาก |
|
-----------------------------------------------------------------
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ |
อาคารนี้ มีความสูงเท่ากับตึกสูงประมาณ 17 ชั้น ความสูงจากพื้นดินถึงยอด 50
เมตร ตัวอาคารด้านล่าง มีระเบียงรอบเป็นวงกลม
มีทางเข้าภายในอาคารได้หลายทาง การออกแบบก่อสร้างได้คำนึงถึงประโยชน์
ใช้สอยควบคู่กันไปกับความสวยงามทางศิลปะ
ทุกขั้นตอนการทำงานได้มีการศึกษาทั้งในเรื่องโครงสร้าง
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างอย่างอะเอียดถี่ถ้วน
การทำงานจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ลัษณะอาคารมี 5 ชั้น
-
ห้องนิทรรศการ
-
ห้องโถง มีประตูซุ้มใหญ่ 8 ซุ้ม
-
ชั้นพักบันได และเข้าลิฟท์
-
ชั้นลอย มีห้องพักรอก่อนขึ้นชั้นบน
-
ห้องท้องช้าง เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุ
เมื่อเดินเข้ามาภายในอาคาร จะเป็นเหมือนห้องโถง
ตรงกลางโถงเป็นซุ้มโอบรอบด้วยบันไดวน 2 ข้าง ที่ขึ้นมาบรรจบกัน
ในส่วนนี้ช่างปูนปั้นฝีมือดีจากเพชรบุรีเป็นผู้ออกแบบและดูแลการทำงาน
ซึ่งต้องใช้คน ไม่น้อยกว่า 30 คน
ปูนปั้นที่ใช้ในงานนี้เป็นปูนปั้นที่ทำมาจากหินฟูลออลไรท์
จึงมีสีขาวต่างจากปูนซีเมนต์ ช่างจะปั้นเป็นดอกเป็นลายที่ละดอก
ไม่ได้ทำเป็นแบบหล่อขึ้นมา แต่ละส่วนจึงมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน
จากชั้นหนึ่งขึ้นบันไดเวียนไปถึงบริเวณห้องท้องช้าง
ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของอาคารเป็นห้องแสดงศิลปวัตถุใน
ส่วนนี้จะมีเหล็กที่ก่อสร้างขึ้นมาเป็นคาน
เพื่อแบกรับน้ำหนักของโครงสร้างส่วนบนทั้งหมดพาดไปมา
คานส่วนนี้ทำขึ้นเพื่อรับน้ำหนักส่วนที่เป็นหัวช้างทั้ง 3 หัว
ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน
ส่วนของเพดานนั้นใช้กระจกสีออกแบบเป็นรูปแผนที่โลก
ช่างชาวเยอรมันกำลังทำงานส่วนนี้
เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะเหมือนหลังคาโลก
ส่วนวัสดุที่นำมาทำผิวช้าง ผู้รับผิดชอบโครงการเลือกใช้ทองแดงบริสุทธิ์
เมื่อเวลาผ่านไปจะมีสนิมสีเขียวจับ
ทำให้ผิวช้างมีลวดลายและเป็นว้สดุที่คงทนอยู่ได้นาน |
|
-----------------------------------------------------------------
เมืองโบราณ
|
เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 500
ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506 ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่
อำเภอเมือง บริเวณหลักกม.ที่ 33.5 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า)
ห่างจากตัวจังหวัด 8 กม. เป็นศูนย์รวมปูชนียสถานที่สำคัญๆ
ของแต่ละจังหวัด เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง
วัดมหาธาตุสุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร
พระธาตุไชยา ฯลฯ โดยสร้างให้มีขนาดเล็กลง
บางแห่งเท่าแบบจริงการสร้างฝีมือประณีต
นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมยุคใหม่
ผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของประเทศไทยจะศึกษาได้จากเมืองโบราณแห่งนี้ |
|
-----------------------------------------------------------------
การเดินทาง |
หากไปโดยรถส่วนตัว ใช้ถนนสายบางนา-สมุทรปราการ
เมื่อถึงหอนาฬิกาให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 8 กม. หากไปโดยรถประจำทาง ขึ้นรถ
บขส. ชลบุรี (สายเก่า) ที่สถานีขนส่งเอกมัยหรือขึ้นรถเมล์ ขสมก. สาย ปอ.8,
ปอ.11, สาย 25, 102 ลงที่ปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กท้องถิ่นสาย 36
อย่างไรก็ตาม พื้นที่เมืองโบราณมีอาณาเขตกว้างขวางมาก
หากนำรถส่วนตัวไปเที่ยวชมจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่า
เมืองโบราณเปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา
08.00-17.00 น. โดยเสียค่าบัตรผ่านประตูคนละ 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี
คนละ 25 บาท อายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม ค่านำรถผ่านเข้าชมคันละ 50
บาท รถตู้ 100 บาท รถบัส 200 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
บริษัทเมืองโบราณ จำกัด มุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง โทร.
2241057, 2261936-7
|
-----------------------------------------------------------------
พระสมุทรเจดีย์กลางน้ำ
|
อยู่ที่ตำบลปากคลองบางปลากด
อำเภอพระสมุทรเจดีย์
ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงกันข้ามกับศาลากลางจังหวัด
แต่เดิมพระเจดีย์นี้ตั้งอยู่บนเกาะกลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา
ท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร
ต่อมาชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำตื้นเขินงอกออกมาเชื่อมติดกับเกาะอันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างแต่ยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างต่อเป็นพระเจดีย์สูง 20 เมตร ต่อมาในรัชกาลที่ 4
ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้เปลี่ยนรูปทรงพระเจดีย์แล้วก่อให้สูงขึ้นอีกเป็น 38 เมตร
ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระชัยวัฒน์และพระห้ามสมุทรไว้ |
|
-----------------------------------------------------------------
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ |
อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ บนถนนสุขุมวิท
จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กม.
ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวมของข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพเรือไทยและยุทธนาวีครั้งสำคัญๆ
นอกจากนั้น ยังมีเรือจำลองสมัยต่างๆ เช่น
เรือที่ใช้ในพระราชพิธีกระบวนเรือพยุหยาตราชลมารค
เรือรบหลวงพระร่วง
เรือหลวงมัจฉานุซึ่งเป็นเรือดำน้ำลำแรกของกองทัพเรือไทย
เปิดให้เข้าชมในวันราชการตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
โดยไม่เสียค่าผ่านประตู รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร.
394-1997 |
|
-----------------------------------------------------------------
ป้อมพระจุลจอมเกล้า
|
ตั้งอยู่ริมปากแม่น้ำเจ้าพระยาในตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์
ห่างจากพระสมุทรเจดีย์ตามถนนสุขสวัสดิ์เป็นระยะทางประมาณ 7 กม.
เป็นป้อมที่ทันสมัย และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ
ซึ่งได้ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วเมื่อครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ. 112
(พ.ศ. 2436)
เป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยและประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกยาวนาน
เพราะในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ทรงเห็นว่า ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น บรรดาประเทศต่างๆ
ที่อยู่ติดเขตแดนไทย ก็ถูกประเทศทั้งสองเข้าครอบครองไปหมดแล้ว
นับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยเรา
พระองค์จึงทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ
ทรงดำริให้ปรับปรุงป้อมต่างๆ ทางปากน้ำ
โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุงกิจการทหารเรือในครั้งนั้นด้วย
ผู้เข้าชมต้องขออนุญาตจากกองรักษาการณ์ในบริเวณป้อมฯ
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชมสถานที่
ต้องทำหนังสือถึงสถานีทหารเรือกรุงเทพ โทร. 411-2147
อ่านประวัติ ป้อมพระจุลฯ >>>
|
|
-----------------------------------------------------------------
ป้อมแผลงไฟฟ้า
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง
ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่บางส่วน เป็นป้อมปราการแห่งหนึ่งของฐานทัพ
เมืองนครเขื่อนขันธ์ สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
เมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นเสมือนหนึ่งฐานทัพด้านปากแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นเมืองที่มีป้อมปราการหลายแแห่ง
โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1)
มีพระราชดำริที่จะป้องกันพระราชอาณาจักร
ปัจจุบันเทศบาลเมืองพระประแดงได้ทำการบูรณะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน
โดยบริเวณข้างบนของป้อมได้จัดปืนใหญ่โบราณหลายกระบอกตั้งไว้ให้ชม
รอบๆ บริเวณจัดปลูกต้นไม้ร่มรื่น
อ่านประวัติ
ป้อมแผลงไฟฟ้า >>> |
|
-----------------------------------------------------------------
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
|
เป็นตลาดน้ำที่ใกล้กรุงเทพ
ซึ่งตลาดแห่งนี้ยังคงอนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติ
ท่านจะเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลอง
พ่อค้าแม่ค้าหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
ที่สำคัญก่อนมาที่ตลาดน้ำแห่งนี้ทำท้องให้ว่างไว้ดีที่สุด
เพราะว่าอาหารการกินที่นี่หลากหลายมาก เช่น ก๋วยจั๊บ
กระเพาะปลา รังนก ก๋วยเตี๋ยว
และยังมีอาหารที่เราไม่ค่อยจะพบกันบ่อยนักแต่ว่าอย่าพึ่งทานให้อิ่มทีเดียว
เพราะว่ายังมีอาหารที่ไม่ได้ขายในท้องตลาดทั่วไปอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็น ขนมครกหอยทอด ทอดมันปลา
หมึกไข่เสียบไม้ห่อด้วยใบตอง แจงรอน ลูกชิ้นโบราณมีทั้งไส้กุ้ง
หมู เผือก แครอท หน้าตาไม่ค่อยคุ้นเท่าซักเท่าไหร่นัก |
|
สำหรับของหวานก็เช่น สลิ่ม ทองหยิบ ทองหยอด
ฝอยทอง วุ้นหลากสี ข้าวเหนียวทรงเครื่อง และอีกมากมาย
รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ทานกันอิ่มแล้วออกแรงกันหน่อยดีกว่าเพราะว่าที่นี่มีบริการเรือให้เช่าอัตราค่าบริการคนละ
20 บาทต่อชั่วโมง หนึ่งลำนั่งได้ 4 คน
หลังจากสนุกกับการพายเรือแล้วที่นี่เค้าก็มีบริการนวดให้ท่านผ่อนคลายอีกด้วย
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะมีเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา
08.00 – 14.00 น. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นายก
อบต. บางน้ำผึ้ง โทร. 01 171 4930 และสำนักงาน อบต. บางน้ำผึ้ง
โทร. 02 819 6762
การเดินทาง
ทางรถยนต์ จากกรุงเทพให้ขึ้นทางด่วนไปลงสุขสวัสดิ์
จะเห็นสามแยกพระประแดง – สุขสวัสดิ์ เลี้ยวบริเวณปั๊มน้ำมัน MP
พอถึงตลาดพระประแดงให้เลี้ยวซ้ายผ่านวัดทรงธรรมวรวิหารจะพบป้ายบอกทางไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ให้ขับตรงไปเรื่อยๆระหว่างทางจะต้องผ่านบริเวณก่อสร้างถนนวงแหวนขับตรงไปเรื่อยๆ
จะพบสะพานข้ามคลองให้ขับข้ามสะพานจะเป็นถนนเพชรหึงส์
ขับตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางขวามือ จะเห็นป้ายซอยเพชรหึงส์ 26
ให้เลี้ยวขวาเข้ามาที่ลานจอดรถใกล้ๆ สถานีอนามัย
จอดรถที่นี่แล้วเดินไปตลาดน้ำได้เลยค่ะ
รถโดยสารประจำทาง ให้นั่งรถมาลงที่พระประแดง
นั่งมาจนสุดสายที่ท่าน้ำพระประแดง
ส่วนรถเมล์ที่มาถึงพระประแดงก็จะมี สาย 6 พระประแดง – บางลำพู,
สาย 82 พระประแดง – บางลำพู, สาย 506 ปากเกร็ด – พระประแดง
และสาย 138 หมอชิตใหม่ – พระประแดง
จากพระประแดงจะมีรถสองแถวเล็กหรือที่เรียกว่ารถกะป๊อ
มาลงตลาดบางน้ำผึ้งได้เลย
ข้อมุลและรูปภาพเพิ่มเติม
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง |
------------------------------------------------------------------
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ |
ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกของประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2493
ปัจจุบันเป็นฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในเขตตำบลท้ายบ้าน
ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กม. ภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่างๆ
กว่า 40,000 ตัว มีการแสดงวิธีจับจระเข้ด้วยมือเปล่า ทุกวันตั้งแต่เวลา
09.00-16.00 น. ทุกๆ 1 ชั่วโมง พักเที่ยง วันหยุดเพิ่มรอบ 12.00 น. และ
17.00 น. เวลาการให้อาหารจระเข้ 16.30-17.30 น. ;
การแสดงของช้างแสนรู้เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก
มีการแสดงทุก 1 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30-16.30 น. ทุกวัน
นอกจากการเลี้ยงจระเข้แล้ว ภายในฟาร์มยังมีสัตว์แสนรู้อื่นๆ อีก เช่น เสือ
และลิงชิมแปนซี สัตว์ประเภทอื่นๆ เช่น ชะนี เต่า งูเหลือม งูหลาม นก อูฐ
ฮิปโป และปลาจำนวนมาก
นอกจากนี้
ยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
ซึ่งจัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงกว่า 13 ชนิด
พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา
07.00-18.00 น. ค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 30 บาท
ชาวต่างประเทศคนละ 300 บาท
การเดินทางไปยังฟาร์มฯ นอกจากรถส่วนตัวแล้ว สามารถใช้บริการรถเมล์ ขสมก.
สาย ปอ.8 และ ปอ.11 ซึ่งจะสุดสายที่นั้นพอดี หรือรถเมล์ธรรมดาสาย 25, 45,
102 และ 145 ไปยังสมุทรปราการแล้วต่อรถสองแถวสาย S.1 และ S.55
การเข้าชมเป็นหมู่คณะหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการวิทยากร
ควรมีหนังสือติดต่อล่วงหน้าไปที่ ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ 555
ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280 หรือ โทร. 387-0020,
387-1166 และ 387-2375
|
-----------------------------------------------------------------
วัดกลางวรวิหาร
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง
ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดสมัยอยุธยาตอนปลาย
เดิมชื่อ วัดตะโกทอง
มีพระอุโบสถได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3
หน้าบันมีลายปูนปั้นประดับเครื่องลายคราม
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังปฐมสมโพธิกถา
ต่อมามีการสร้างพระมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาท 4 รอย
นอกจากนี้ยังมีศาลาการเปรียญเป็นเรือนไทยหมู่ไม้สักทั้งหลัง
หน้าบันมีลวดลายไม้สลักละเอียดอ่อนสวยงามควรค่าแก่การอนุรักษ์อย่างยิ่ง
ข้อมูลประวัติและรูปภาพ
วัดกลางวรวิหาร |
|
------------------------------------------------------------------
วัดอโศการาม
|
อยู่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากตัวเมือง 6 กม.
มีทางแยกขวามือเข้าสู่วัดตรงสถานพักฟื้นสวางคนิวาส
วัดนี้เป็นวัดใหม่ สร้างเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2505
ฝ่ายธรรมยุตินิกาย
สร้างขึ้นโดยพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (พระอาจารย์ลี
ธมฺมธโร)
เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งและเป็นสถานที่สำหรับวิปัสสนากรรมฐาน
มีสิ่งที่น่าชม เช่น พระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม 13
องค์ เป็นที่ระลึกถึงธุดงควัตร 13 ประการ
และวิหารวิสุทธิธรรมรังสีเป็นที่ประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี |
|
-----------------------------------------------------------------
วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร
|
ตั้งอยู่ที่ตำบลบางผึ้ง อำเภอพระประแดง
เป็นพระอารามหลวงชั้นโท กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์
ทรงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีพระอุโบสถและพระวิหารที่งดงาม
ในพระอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย
อยู่บนบุษบกยอดปรางค์จตุรมุข |
|
-----------------------------------------------------------------
วัดทรงธรรมวรวิหาร
|
ตั้งอยู่ที่อำเภอพระประแดง
เป็นวัดเก่าแก่ในพุทธศาสนารามัญนิกาย
สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองนครเขื่อนขันธ์
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันเป็น
อ่านประวัติ
วัดทรงธรรมวรวิหาร >>> |
|
-----------------------------------------------------------------
ตลาดน้ำโบราณบางพลี |
ตลาดน้ำโบราณบางพลี
เป็นตลาดเก่าแก่ริมคลองสำโรง พื้นตลาดเป็นพื้นไม้
สามารถเดินติดต่อกันได้ ยาวกว่า 500 เมตร
เดิมชื่อตลาด “ ศิริโสภณ ” สันนิษฐานว่า ชาวจีนเข้ามาเปิดร้าน
ในตลาดนี้ราว พ.ศ.2400 ตลาดนี้จึงน่าจะมีอายุประมาณ 151 ปี
เป็นตลาดโบราณริมคลองสำโรงเพียงแห่งเดียวที่รอดพ้นจากไฟไหม้
และยังคงสภาพเดิมเหมือนแรกสร้าง |
|
-----------------------------------------------------------------
วัดบางพลีใหญ่ |
ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ที่ตำบลบางพลีใหญ่
ห่างจากประตูน้ำสำโรงประมาณ 13 กม.
เดิมชื่อวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะของพระองค์
ต่อมาได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร
หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์
เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไปนาม หลวงพ่อโต
วัดนี้จึงมีชื่อว่า วัดหลวงพ่อโต อีกชื่อหนึ่ง
ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือในพิธีโยนบัวหรือรับบัวทุกปี
ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11
อ่านประวัติ
ประเพณีรับบัว โยนบัว >>> |
|
-----------------------------------------------------------------
วัดโปรดเกศเชษฐาราม
|
อยู่ที่ตำบลทรงคะนอง อำเภอพระประแดง
เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี
เป็นวัดพุทธไทยเพียงวัดเดียวในย่านพระประแดง ส่วนวัดอื่นๆ
มักเป็นพุทธรามัญ พระยาเพชรพิชัย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2
มีลักษณะสถาปัตยกรรมดีเด่นคือ
พระอุโบสถมุงหลังคาด้วยกระเบื้องมอญเก่า ไม่มีช่อฟ้าใบระกา
หน้าบันมีศิลปะปูนปั้นลายเครือเถาประดับเครื่องลายคราม
ภายในมีพระประธานหล่อด้วยโลหะ เป็นพระพุทธปางมารวิชัย
พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ
ภายในมีพระพุทธไสยาสน์พระพักตร์งามมาก
เหนือหน้าต่างมีภาพปริศนาธรรม เป็นศิลปะตะวันตกซึ่งหาดูได้ยาก
นอกจากนี้ยังมีพระมณฑปหลังคามุงด้วยกระเบื้องรางรายรอบด้วยเก๋งจีน
ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ มีพระปรางค์ที่มุมทั้ง 4 ด้าน
ภายในพระมณฑปมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองประดับมุข |
|
-----------------------------------------------------------------
ศาลพระเสื้อเมือง |
อยู่ที่ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง
สร้างขึ้นพร้อมกับเมืองพระประแดง
ชาวบ้านนับถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เคารพบูชากันมาก |
|
-----------------------------------------------------------------
สถานตากอากาศบางปู
|
เป็นสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน
และเป็นสถานพักฟื้นและพักผ่อนของกรมพลาธิการทหารบก
อยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ริมถนนสุขุมวิท ห่างจากตัวเมือง 10 กม.
ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับ มีร้านอาหาร
ในระยะเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์
จะมีนกนางนวลอพยพมาหากินอยู่ตามชายทะเลซึ่งเป็นธรรมชาติที่น่าชมมาก
รายละเอียดต่อ โทร. 323-9138, 323-9983 |
|
-----------------------------------------------------------------
สถานตากอากาศบางปู
|
สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ ตั้งอยู่ตำบลบางกะเจ้า มีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ |
|
|
|