........................................................
|
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยเพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลายทั้งทุ่งหญ้า
ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์
ลักษณะเด่นของอุทยานฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด
เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้าใบบอนหรือรูปหัวใจ มีเนื้อที่ประมาณ
60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร
จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ก่อนเดินทางมาท่องเที่ยวป่าเขาที่ภูกระดึง
นักท่องเที่ยวควรสำรวจสุขภาพตัวเองก่อนว่าพร้อมจะเดินและปีนป่ายเขาที่มีระยะทางร่วม
9 กิโลเมตร (ขึ้นเขา 5 กิโลเมตร ทางราบอีกประมาณ 3-4
กิโลเมตร) เพื่อจะขึ้นไปบนที่ราบยอดภูได้หรือไม่ อุทยานฯ
ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีฐาน ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 23
พฤศจิกายน 2505
|
........................................................
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจบนภูกระดึง |
เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชันแต่จะมีจุดแวะพักที่
ซำ หมายถึง
บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาแต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ
|
........................................................
ผานกแอ่น |
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามมากแห่งหนึ่ง
สามารถมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา
ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นมีดอกกุหลาบป่าขึ้นเป็นดงใหญ่
ซึ่งบานสะพรั่งในเดือนมีนาคม-เมษายน
|
........................................................
ผาหล่มสัก |
เป็นลานหินกว้าง
และมีสนต้นใหญ่อยู่ใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปจากหน้าผา
เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจนที่สุด
จึงทำให้นักท่องเที่ยว ช่างภาพนิยมไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ผาแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึง
|
|
........................................................
น้ำตกตาดร้อง |
เกิดจากลำน้ำพอง
ซึ่งไหลลงมาจากภูกระดึงทางหุบเขาด้านตะวันตกเฉียงเหนือสองฝั่งของตาดร้อง
เป็นผาสูงหินชันมาก
เมื่อน้ำตกผ่านผาหินกว้างที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ
จึงทำให้เกิดเสียงกึกก้อง
|
........................................................
น้ำตกถ้ำใหญ่ |
น้ำตกถ้ำใหญ่เป็นน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ
เป็นน้ำตกที่ค่อนข้างสูงของภูกระดึง
เป็นน้ำตกที่ไม่กว้างนัก
ทำให้น้ำที่ตกลงมากระทบกับโขดหินข้างล่างเสียงดังสนั่นกึกก้องท่ามกลางป่าดงดิบ
|
|
........................................................
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ |
เกิดจากลำธารวังกวาง
น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง
ในหน้าหนาวใบเมเปิ้ลจากบริเวณริมน้ำจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำเป็นสีแดงจัดตัดกับตะไคร่ตามโขดหินลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง
คือ น้ำตกโผนพบ |
........................................................
ผาหมากดูก |
ผาหมากดูกเป็นผาที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง
และสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์
ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจน
|
........................................................
น้ำตกผาน้ำผ่า
|
เป็นน้ำตกที่ไหลมาตามไหล่หิน
แลดูสวยงาม
|
|
........................................................
น้ำตกถ้ำสอ
|
เป็นน้ำตกแห่งเดียวบนภูกระดึงที่สองขนาบไปด้วยทุ่งหญ้าป่าสน
จะมีป่าเฉพาะตามลำธารเท่านั้น |
........................................................
น้ำตกโผนพบ |
น้ำตกโผนพบเป็นน้ำตกซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่
โผน กิ่งเพชร
นักชกแชมเปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทย
ในฐานะเป็นผู้พบคนแรกเมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาวเย็นในต่างประเทศ |
........................................................
ผาเหยียบเมฆ |
ผาเหยียบเมฆเป็นผาที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้าง
เป็นจุดหนึ่งที่สามารถชมทะเลหมอกในยามเช้าได้อย่างชัดเจน
|
|
........................................................
สระแก้ว |
อยู่ในส่วนต้นน้ำของ
"ธารสวรรค์"
ลักษณะเป็นวังน้ำลึกขนาดไม่กว้างนัก
น้ำใสมากจนสามารถมองเห็นพื้นหินได้ |
........................................................
สระอโนดาด |
เป็นสระน้ำขนาดย่อมที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัดตามริมสระ
บริเวณปากธารไหลมีลานหินโผล่ขึ้นมายามน้ำน้อย |
........................................................
น้ำตกขุนพอง
|
เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมาก
มักจะถูกถ่ายภาพเป็นปฏิทินอยู่เสมอ
|
|
........................................................
แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ ในเขตอุทยานฯ ภูกระดึง |
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง
เช่น น้ำตกวังกวาง น้ำตกรัตนา น้ำตกเพ็ญพบ
น้ำตกพระองค์ น้ำตกธารสวรรค์ ผาแดง ผานาน้อย
ผาจำศีล หลังแป สวนสีดา ลานกินรี ลานวัดพระแก้ว เป็นต้น
นักท่องเที่ยวควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน
จึงจะเที่ยวได้ทั่วถึง
ขณะที่เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ บนภูกระดึง
เราจะพบพระพุทธรูปอยู่ระหว่างทางด้วย
การเดินทาง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถโดยสารประจำทางควรใช้รถประจำทางเส้น
กรุงเทพฯ-เลย แล้วลงที่ผานกเค้า ซึ่งเป็นเขตต่อแดนระหว่างชุมแพ-ภูกระดึง
จากที่นี่จะมีรถสองแถว ไปอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
หรือหากนักท่องเที่ยวใช้รถประจำทางเส้นทางกรุงเทพฯ-ขอนแก่น
ลงที่ชุมแพ และต่อรถสายขอนแก่น-เลย ไปลงที่ตลาดอำเภอภูกระดึง
ซึ่งจะมีรถสองแถวไปอุทยานฯ
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถส่วนตัวจากตัวเมืองเลยใช้เส้นทางหมายเลข
201(เลย-ภูกระดึง) พอถึงกม.ที่ 276-277
ก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2019 อีก 8 กม. ก็จะถึง
ที่ทำการอุทยานฯ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีด่านเก็บค่าธรรมเนียมคนละ
5 บาท และบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 8 บาท
จากนั้นนักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าขึ้นสู่ภูกระดึงอีก
เป็นระยะทางประมาณ 5.5 กม. การขึ้นไปเที่ยวบนภูกระดึง
ควรติดต่อเต็นท์ล่วงหน้าที่สำนักป่าไม้จังหวัดเลย โทร. (042)811112
ราคา 50-100 บาท
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะปิดระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ทุกปี
เพื่อปรับสภาพธรรมชาติ
ให้ฟื้นตัวและปรับปรุงสถานที่พักสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว |
|
|