นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

นับแต่ครั้น 60 ปี ที่ผ่านมา ทรงนำพาความสุขขีชีวีสันต์
แก่บวงชนชาวไทยทุกชีวัน ทุกทุกวันทรงเหน็ดเหนื่อยไม่ผ่อนคลาย
มีหลายโครงการที่ท่านคิด รวมหลายความคิดที่ท่านสร้าง
ทั้งฝนหลวงลิงชัยพัฒนา ล้วนมีค่าและประโยชน์ต่อปวงชน
มีด้านป่าพืชพันธ์และต้นไม้ ด้านน้ำไหลใส่สะอาดไม่ขุ่นหมอง
ด้านคุณค่าของวัฒนธรมอันเรืองรอง ด้านวิถีประชาก็ยังมี
ด้านการเป็นอยู่พูดได้คงนึกถึง ความคำนึกถึงความพอดีสม
ไม่ประมาทและอดออมพอดีจน ยืนด้วยตนไม่ต้องยืมใครมือใครดัน
พระคุณนี้ยิ่งใหญ่หาใครมาเปรียบ นำฟ้าเปรียบก็หาจะเทียบได้
ทั้งหมดนี้ข้าขอทูลถวาย ขอให้ท่านพระองค์ทรงพระเจริญ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงเคยมีรับสั่งเล่าให้นักข่าวหญิง ฟังเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๓ ถึงเรื่องการถวายฎีกาของประชาชนว่า ราษฎรมักจะถวายต่อพระราชหัตถ์
ของพระเจ้าอยู่หัว แต่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยจนบางครั้งก็เกินเลย
ถึงขั้นตรวจสอบเนื้อหาและระวังยับยั้งไว้ ราษฎรจึงต้องหาวิธีการอื่น เช่น
“ ชาวบ้านภาคใต้ที่ฉลาด รู้ด้วยว่าจะถวายฎีกานี้ต้องทำอย่างไรเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้
แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้บอกว่า นั่นข้างล่างนะฎีกาอยู่ข้างล่าง (ทรงพระสรวล) รู้จัก
ด้วยนะซ่อนไว้ไม่เช่นนั้นฎีกานี้ตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน ” และทรงเล่าอีกว่า
“เห็นสิรินธรกับจุฬาภรณ์ไปแย่งฎีกาจากตำรวจ โดยมาเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยาก
ให้ยุ่งการเมือง คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามาก็คงจะชักออกมาจากชายพกหรือตะกร้า
ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจ (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้ว
แม่เล็กบอกเล็กได้มาแล้วๆ….” แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์
ทุกพระองค์ทรงใส่พระทัยในปัญหาความเดือดร้อน และความทุกข์ยากของประชาชน
ของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีรับสั่งว่า
“ฝรั่งชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ไม่เหมือนใคร ทำให้
สถาบันกษัตริย์ดำเนินอีกแนวหนึ่งเป็นแนวใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีที่ไหนในโลกที่
พระมหากษัตริย์จะออกไปแล้วประชาชนนั่งเล่าถึงความทุกข์ แล้วก็พากันไปดูจนถึง
หลังบ้าน”