วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธี เช่น พระราชพิธีทรงผนวช พระราชพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา พระราชพิธีสำคัญทางพุทธศาสนา และใช้เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต โดยตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอกทางทิศตะวันออกของพระบรมมหาราชวัง ซึ่งได้ทำการทะนุบำรุงสืบมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าวัดนี้ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ในปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างก็นิยมที่จะมาเที่ยวชมความงดงามและคุณค่าของสิ่งต่างๆ ที่รวมอยู่ภายในวัดนี้ เช่น
- พระระเบียง ซึ่งจะมีประตูเข้า-ออก ถึง 4 ด้าน และตามผนังพระระเบียงจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับเรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
- พระอุโบสถ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนตามแบบสถาปัตยกรรมไทย ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ทำด้วยแก้วมรกตบริสุทธิ์สีเขียวสดใส หน้าตักกว้าง 48.3 ซม. สูง 26 ซม. ประดิษฐานอยู่บนบุษบกทองคำ ด้านหน้าของพระแก้วจะมีพระมหาสังข์ซึ่งใช้สำหรับให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรินน้ำมนต์ใส่ในพระมหาสังข์ และนำมารดองค์พระแก้วมรกตในเวลาที่จะทำการเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกต
- พระมณฑป เป็นที่ไว้พระไตรปิฎก ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สังคายนาพระไตรปิฎก แล้วสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกตามที่ได้สังคายนา คือ พระไตรปิฎกฉบับทองใหญ่ แล้วอัญเชิญจากวัดมหาธาตุมาเก็บไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม แต่เกิดเหตุไฟไหม้หอพระมณเฑียรธรรมทั้งหลัง เหลือแต่ตู้ประดับมุกที่บรรจุพระไตรปิฎก จึงทรงพระกรุณาโปรดเล้าฯ ให้ถมสระแล้วก่อฐานถมดินทำชั้นทักษิณสร้างพระมณฑปเป็นที่ไว้พระไตรปิฎก
- ปราสาทพระเทพบิดร เดิมมีชื่อว่า "พุทธปรางค์ปราสาท" เป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 - 8 และในทุกๆ วันที่ 6 เมษายนของทุกปี ซึ่งชาวไทยถือเป็นวันจักรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้ยพระบรมวงศานุวงศ์เพื่อถวายราชสักการะพระบรมรูป ทางสำนักพระราชวังก็จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ากราบบังคมพระบรมรูป ดังนั้นประชาชนจึงสามารถเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับเสด็จพระราชดำเนินอย่างใกล้ชิด
- พระศรีรัตนเจดีย์ ลักษณะเป็นเจดีย์ใหญ่ทรงกลมแบบลังกา อยู่ทางด้านตะวันตกของพระมณฑป ภายในมีองค์พระเจดีย์องค์เล็กอยู่องค์หนึ่ง มีรูปทรงเหมือนกับองค์นอก ซึ่งใช้เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
- หอพระราชพงศานุสร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปประจำรัชกาลพระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 8 องค์ ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
- หอพระคันธารราฐ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคันธารราษฎร์ซึ่งหล่อในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ประทับนั่งขัดสมาธิ มีรัศมีเป็นรูปดอกบัวตูมหรือลูกแก้ว พระหัตถ์ขวากวักเรียกฝน พระหัตถ์ซ้ายยื่นออกไปหงายแล้วแบออกเพื่อรองรับน้ำฝน ซึ่งจะอัญเชิญเป็นประธานในพระราชพิธีพืชมงคลและพิธีพิรุณศาสตร์
- รูปยักษ์ โดยจะยืนต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประตูระเบียงทางเข้า-ออก ด้านละคู่ มีทั้งหมด 6 คู่ ซึ่งยักษ์ทั้ง 12 ตนนี้ถือว่าเป็นตัวเอกที่สำคัญจากเรื่องรามเกียรติ์
นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วภายในวัดพระแก้วยังมีสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษาหาความรู้อีกมากมาย ถ้าหากท่านผู่อ่านอยากทราบเพิ่มเติมก็ลองไปศึกษาด้วยตัวเอง โดยสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 - 16.00 น. แต่การไปเที่ยวชมในวัดพระแก้วก็มีกฎกติกาไว้ว่า ห้ามถ่ายรูปในพระอุโบสถ สำหรับผู้ชายห้ามใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ สำหรับผู้หญิงห้ามใส่เสื้อกล้าม เสื้อไม่มีแขน กางเกงสามส่วน รองเท้าแตะ
------------------------------------------------
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Bangkok/data/pic_watphrakaew.htm
|