|
เขาสรรพยา,
ชัยนาท
เขาสรรพยา |
อำเภอสรรพยา [สับ-พะ-ยา][1]
เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดชัยนาท
หมู่บ้านหรือชุมชนสรรพยาดั้งเดิม ปัจจุบันตั้งอยู่หมู่ที่ 1
ตำบลสรรพยา อำเภอสรรพยา บริเวณตั้งแต่วัดกำแพงไปถึงวัดสะแก
(วัดร้าง) หรือระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 32-34
ทางหลวงแผ่นดินสายสิงห์บุรี-ชัยนาท
ซึ่งชื่อตำบลและอำเภอสรรพยาปัจจุบันนี้นำมาจากชื่อ "เขา บึง
และชุมชนสรรพยา"
ตำนาน
ชื่อของตำบลและอำเภอสรรพยามีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เช่นเดียวกับชื่อของท้องถิ่นอื่น
ๆ ในบริเวณเขตจังหวัดใกล้เคียง เช่นเมืองลพบุรี ทุ่งพรหมาสตร์
ทะเลชุบศรในจังหวัดลพบุรี เป็นต้น
เขาสรรพยาในเรื่องรามเกียรติ์ที่นี้
เชื่อกันว่าคือเขาสรรพยาที่ตำบล-อำเภอสรรพยานี้เอง
ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าให้ฟัง
มีเรื่องพิสดารปลีกย่อยอีกมากมายพอปะติดปะต่อเป็นเรื่องได้ดังนี้
เล่ากันว่า
เมื่อพระลักษมณ์รบกับกุมภกรรณและเสียทีถูกหอกโมกขศักดิ์
พิเภกได้ทูลให้พระรามทรงทราบถึงฤทธิ์ของหอกและยาที่จะแก้ไข
จึงได้มีพระบัญชาให้หนุมานไปเอาสังกรณีตรีชวาหรือสรรพยา
หนุมานได้เหาะไปที่เขาหลวง
แต่ไม่รู้จักสังกรณีตรีชวาจึงร้องถามหาอยู่ตีนเขา
ก็ได้ยินขานรับอยู่บนยอดเขา
เมื่อขึ้นไปยอดเขาร้องถามหาอีกก็ได้ยินขานรับอยู่ตีนเขา
ในที่สุดหนุมานโกรธพอได้ยินขานรับบนยอดเขาก็หักเอากลางเขาแบกเหาะไป
เมื่อเหาะไปได้สักพักก็บิส่วนหนึ่งทิ้งไปกลายเป็นเขาขยายในเขตอำเภอเมืองชัยนาทปัจจุบัน
ขณะที่เหาะต่อมารู้สึกกระหายน้ำยิ่งนัก
แลเห็นบึงใหญ่อยู่กลางทางจึงแวะเอาเขาวางลงริมบึง
(ภายหลังเรียกบึงนี้ว่า "บึงสรรพยา")
วักน้ำด้านตะวันตกเฉียงใต้ขึ้นดื่ม
ทำให้บริเวณนี้ลึกกว่าที่อื่น ๆ (ต่อมาบึงสรรพยาตื้นเขิน
บึงเล็กลงปัจจุบันเหลือแต่ "บึงอรพิม")
เนื่องจากบริเวณนี้เป็นดินเลน
เขาที่หนุมานวางไว้ได้ยุบจมดินจนติดแน่น
เมื่อหนุมานดื่มน้ำแล้วจึงยกเขาไม่ขึ้น
แต่บางท่านว่าเมื่อหนุมานกระหายน้ำ
ได้เหาะลงวางเขากลางทุ่งนาแล้วเดินไปขอน้ำเด็กเลี้ยงควาย
แต่เด็กเลี้ยงควายเห็นหนุมานเป็นลิงนอกจากจะไม่ให้น้ำแล้วยังหยอกล้อเล่นอีกด้วย
หนุมานโกรธเดินไปดื่มน้ำที่แม่น้ำ (เจ้าพระยา)
ทางเดินไปกลับเป็นลำรางข้างวัดโบสถ์ (วัดร้าง) ชาวบ้านเรียกว่า
"บางโบสถ์" (ปัจจุบันตื้นเขินแล้ว)
ขณะที่เดินไปดื่มน้ำนั้นเขาได้งอกรากติดกับพื้นดิน
เมื่อหนุมานได้ดื่มน้ำแล้วกลับมายกเขาไม่ขึ้น
จึงเรียกสังกรณีตรีชวาเช่นครั้งก่อนแล้วหักเอายอดเขาด้านทิศใต้ไป
เขาสรรพยาด้านทิศใต้จึงลาดลง
ก่อนจากไปหนุมานนึกเคืองว่าบนเขานี้มีสรรพยารักษาได้ทุกโรค
แต่คนที่นี่ใจจืดขอแค่น้ำก็ไม่ให้กินเลยสาปไว้ว่าอย่าให้คน
(เกิด) สรรพยาใช้ยาถูกกับโรคใด ๆ เลย
(แต่คน-เกิด-ที่อื่นมาเอาสรรพยาไปรักษาโรคหาย)
และสลัดขนเป็นต้นละมานให้เข้าหูเพื่อป้องกันคนขึ้นไปหาสรรพยาบนเขา
แล้วหนุมานก็เหาะนำเขาไป แต่โดยที่เป็นยอดเขามีขนาดเล็กลง
หนุมานได้คอนเขาไปแล้วเอาไปวางที่เกิดเหตุ จึงเรียกสืบกันมาว่า
"เขาสมอคอน" (หรือสะโหมคอนตามสำเนียงชาวบ้าน) ที่ตำบลสมอคอน
อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ปัจจุบัน
เมื่อหนุมานได้สาปไว้ ตอนแรกชาวบ้านก็เรียกว่า "เขาสาปยา"
แต่ภายหลังเรียกแก้เคล็ดเป็นเขาสรรพยา(สับ-พะ-ยา)
ส่วนบึงที่หนุมานวักน้ำดื่มก็เรียกบึงสรรพยา
เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงมีตะกอนมาทับถม
บึงจึงตื้นเขินเป็นที่นาไปแล้วมาก
เหลือบางส่วนปัจจุบันเรียกบึงอรพิม
(แต่ก็ตื้นเขินเป็นที่นาเป็นส่วนใหญ่ บางท่านจึงเรียกว่า
"หนองอรพิม") บางท่านว่าบึงอรพิมนี้เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ตอนที่พม่ามาท้าสร้างพระพุทธรูปที่งดงามและใหญ่ที่สุด
ทางกรุงศรีอยุธยารับท้าและได้มอบให้ศรีธนชัยรับผิดชอบ
แต่ศรีธนชัยใช้ไม้ไผ่สานเอาดินพอกแล้วลงรักปิดทองลวงพม่า
ฝ่ายพม่าให้คนมาสอดแนมเห็นเช่นนั้นจึงรีบกลับไปบอกพวกของตน
และพบขณะนำพระพุทธรูปล่องแพมาตามลำน้ำ
พอพม่าได้ทราบเช่นนั้นก็คิดหนี
จะนำพระพุทธรูปกลับไปด้วยก็ลำบากและชักช้า
จึงได้ทำลายแพทิ้งพระพุทธรูป ด้วยความใหญ่และหนักของพระพุทธรูป
(เล่ากันว่า ปลาช่อนขนาดปลาสี่ปลาห้า
หรือขนาดลำแขนผู้ชายหนักประมาณ 1 กก. อยู่ในรูพระนาสิก (จมูก)
ได้) จึงเกิดห้วงน้ำเป็น "บึงอรพิม"
เชื่อกันว่าพระพุทธรูปยังคงจมอยู่ในบึงอรพิม
แต่จะปรากฏหรือไม่ให้ผู้ใดพบเห็นก็ได้
ที่มาโดย :
วิกิพีเดีย
|
|
|
|