ที่เที่ยว

  • ข้อมูล
  • แผนที่
  • Street View
เพิ่มรูป แก้ไข View : 3,034

พระตำหนักทับแก้ว

พระตำหนักทับแก้ว

พระตำหนักทับแก้ว เป็นอาคารตึกสองชั้น เคยเป็นที่ประทับในฤดูหนาวของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในอาคาร มีเตาผิงและหลังคา มีปล่องไฟตามแบบตะวันตก เหนือเตาผิงมีภาพฝีพระหัตถ์ สีถ่าน รูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

  • พระตำหนักทับแก้วถูกใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการ ระหว่างซ้อมรบเสือป่ากองเสนาน้อยราบเบารักษาพระองค์ 
ปัจจุบันสำนักพระราชวังได้อนุญาตให้สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดแสดงเป็น "พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าในพระราชกรณียกิจด้านกีฬาฟุตบอลของชาติ

พระราชวังจึงไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ แต่สามารถเดินชมได้ ภายในห้องนั่งเล่นมีเตาผิงและปล่องไฟแบบบ้านตะวันตก เหนือเตาผิงไฟมีพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 วาดด้วยเส้นดินสอดำ ดูสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ที่หาชมได้ยาก ทางสำนักพระราชวังสันนิษฐานว่าเป็นภาพฝีพระหัตถ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ที่ทรงวาดขึ้นสมัยประชุมกองร้อยเสือป่า

ตามบันทึกจากจดหมายเหตุของ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (ม.ล. เฟื้อ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) สภานายกคณะฟุตบอลแห่งสยามคนแรก กล่าวถึงชุดนักเลงฟุตบอล (โดยย่นย่อ) ว่า “ในรัชสมัยพระผู้พระราชทานกำเนิดฟุตบอลสยาม ทีมชาติสยามจะสวมเสื้อแดงคาดขาว และมีตราพระมหามงกุฎ” ที่อกเสื้อด้านซ้าย สำหรับการลงแข่งขันระหว่างชาติ เครื่องหมายความสามารถฟุตบอลนี้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราพระมหามงกุฎ ซึ่งควรรู้สึกว่าเป็นเกียรติยศ การรักชาติ ผลปรากฏว่าทีมชาติสยามครานั้นไม่เคยปราชัยแก่ชนชาวต่างชาติแม้แต่นัดเดียว สามารถชนะเลิศรายการต่างๆ เช่น ถ้วยราชกรีฑาสโมสร พ.ย. 2458 ถ้วยทองหลวง ธ.ค. 2458 โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลสำหรับถ้วยปอลลาร์ด ณ สนามราชกรีฑาสโมสร รอบสุดท้าย ระหว่างคณะฟุตบอลสยาม ชนะคณะชาวอังกฤษ ระบุว่า เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยปอลลาร์ด ให้แก่ผู้เล่นฝ่ายคณะฟุตบอลสยาม

ภายหลังเดือน ธ.ค. 2459 รัชกาลที่ 6 จึงทรงโปรดเกล้าฯ ก่อตั้ง “ทีมในหลวง” ขึ้น โดยคัดบรรดานักเลงฟุตบอลรายการถ้วยทองหลวง เพื่อลงเล่นกับชาวตะวันตก สำหรับรายการที่มิใช่การแข่งขันระหว่างชาติ แยกออกจากทีมชาติต่างหากเพื่อรักษาเกียรติของทีมชาติไทยชุดหลักเอาไว้นั่นเอง

ค่าธรรมเนียม

  • ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท 
  • ชาวต่างชาติ 50 บาท

โปรดแต่งกายสุภาพ และควรพกร่มติดตัวไว้ระหว่างเดินเที่ยวชมพระราชวัง

การเดินทาง

  • ทางรถยนต์
    ให้ใช้แยกนครชัยศรีเป็นหลัก ซึ่งถ้าวิ่งมาจากกรุงเทพจะสามารถมาได้จาก ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) และถนนสายปิ่นเกล้า - นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338 ) เพื่อมุ่งหน้าสู่นครปฐม ทั้งสองเส้นทางด้านบนจะต้องผ่านแยกนครชัยศรี
    จากแยกนครชัยศรี ขับตรงไปประมาณ 8.5 กิโลเมตร จะถึงแยกบ้านแพ้ว (ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปบ้านแพ้ว ถ้าตรงไปจะไปนครปฐม ราชบุรี) ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร จะพบสะพานไปตัวเมืองนครปฐม ให้ขับขึ้นสะพาน (ถ้าตรงไปจะไปราชบุรี) จากนั้นขับตรงไปอีกประมาณ 3.4 กิโลเมตร จะพบ 4 แยกไฟแดง (ถ้าตรงไปก็คือ องค์พระปฐมเจดีย์ ถ้าเลี้ยวขวาจะเข้าไปยังตลาดนครปฐม ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปจังหวัดสุพรรณบุรี) เลี้ยวซ้าย แล้วขับตรงไปประมาณ 200 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวา แล้วขับตรงไปประมาณ 1.9 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่ไฟแดง เลี้ยวขวาแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงพระราชวังสนามจันทร์
  • ทางรถโดยสารประจำทาง
    จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ นั่งรถสายกรุงเทพฯ - สุพรรณบุรี ไปลงที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร (นครปฐม) จากนั้นเดินเท้าประมาณ 400 เมตร จะถึงพระราชวังสนามจันทร์
ที่เที่ยวแนะนำ