ที่เที่ยว

  • ข้อมูล
  • แผนที่
  • Street View
เพิ่มรูป แก้ไข View : 2,374

ศาลหลักเมืองอ่างทอง

ศาลหลักเมืองอ่างทอง

ศาลหลักเมือง เป็นหลักชัยและหลักใจของประชาชน เป็นศูนย์รวมแห่งความร่วมมือร่วมใจกันด้วยความศรัทธาความสามัคคี ศาลหลักเมืองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่สิงสถิตของเทพารักษ์ พระเสื้อเมือง และพระทรงเมือง ซึ่งจะปกป้องรักษาและปัดเป่าภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองและประชาชนอยู่ร่มเย็นเป็นสุข ในจังหวัดหนึ่ง ๆ มีศาลหลักเมืองเพียงแห่งเดียว การสร้างศาลหลักเมืองจะต้องได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนจะดำเนินการสร้างได้
 จังหวัดอ่างทอง เป็นจังหวัดที่เก่าแก่จังหวัดหนึ่ง จากหลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานว่ามีชุมชนอาศัยอยู่แต่สมัยทวารวดี แต่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในสมัย พระมหาธรรมราชา เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2127 กล่าวถึงแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อยในสมัยกรุงธนบุรีได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณปีพุทธศักราช 2359 ได้ย้ายตัวเมืองอีกครั้งหนึ่ง มาตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงปัจจุบัน และได้เปลี่ยนชื่อเป็นเมืองอ่างทอง พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เตชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา ได้ให้ความเห็นไว้ว่าน่าจะมาจากชื่อ “บางทองคำ” และ “แม่น้ำประคำทอง” ซึ่งอยู่ในบริเวณที่ตั้งศาลากลางจังหวัดในปัจจุบัน แต่ก็มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะเมืองตั้งอยู่ในที่ลุ่มมีลักษณะคล้ายอ่างและเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จึงถือเป็นเมืองเงินเมืองทอง

จากประวัติศาสตร์ปรากฏว่าได้มีการย้ายที่ตั้งเมืองถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่า ได้มีการสร้างศาลหลักเมืองไว้ ณ ที่ใด
 
 ดังนั้น เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมิ่งขวัญ เป็นหลักชัย และหลักใจของประชาชนชาวจังหวัดอ่างทอง คณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชน จึงได้ร่วมกันจัดหาทุนสร้างศาลหลักเมืองขึ้นโดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระกรุราเสด็จไปทรงเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พุทธศักราช 2533 บัดนี้การก่อสร้างศาลหลักเมืองได้เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นตัวอาคารจัตุรมุข ยอดปรางค์ หลักคา 2 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง องค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์
 
 บัดนี้ ได้เวลาอันเป็นมหามงคลแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทางอัญเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงบรรจุแผ่นยันต์ในยอดเสาหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวจังหวัดอ่างทองสืบไป

ข้อมูลจาก http://www.angthongnews.com

ที่เที่ยวแนะนำ