10 ที่เที่ยวกางเต็นท์หน้าหนาว

10 ที่เที่ยวกางเต็นท์นอน เตรียมพร้อมสำหรับหน้าหนาว

1.ดอยเสมอดาวและผาหัวสิงห์ จ.น่าน

ดอยเสมอดาว เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน มีพื้นที่เป็นลานกว้างตามสันเขา สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในจุดเดียวกัน ผาหัวสิงห์ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นผาที่มีรูปร่างเหมือนสิงโตนอนหมอบอยู่ สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศ สามารถมองเห็น แนวของทิวเขา ผาชู้และแม่น้ำน่าน อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกและทะเลหมอกที่สวยอีกที่หนึ่ง

2.อุทยานแห่งชาติภูเรือ จ.เลย

อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอภูเรือและอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตด้านทิศเหนืออยู่ติดกับประเทศลาว รูปพรรณสันฐานของภูเรือมีรูปร่างลักษณะเหมือนเรือใหญ่บนยอดดอยสูงเป็นภูผาสีสันสะดุดตาหินบางก้อนมีลักษณะเหมือนถูกปั้นแต่งไว้ โดยรอบๆ จะเห็นยอดดอยเป็นขุนเขาน้อยใหญ่ใกล้เคียงเป็นฝ้าขาวด้วยละอองน้ำ หมอก ปกคลุมไว้ท่ามกลางป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร มีอากาศที่เย็นสบายตลอดปี

3.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2,168 ตรกม. หรือ1,355,396 ไร่ มีภูมิประเทศสวยงามประกอบด้วย ป่าดิบ ป่าโปร่ง ธารน้ำ น้ำตก สัตว์ป่า และพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด อุทยานฯ สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุด เพราะในตอนกลางคืนอากาศจะหนาวเย็นจนถึงเช้า ยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาใหญ่ คือ ยอดเขาร่ม มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,351 เมตร

4.ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง สภาพพื้นที่เป็นทิวเขาตั้งแต่เส้นทางขึ้นจนถึงหมู่บ้าน มีอากาศเย็นตลอดปี ที่บ้านทับเบิกมีการปลูกพืชผักแบบไม้ต้องรถน้ำ ฤดูกาลมี 2 ฤดู คือฤดูฝน และฤดูหนาว ในฤดูฝนมีหมอกคลุมตลอดวันตลอดคืน บางครั้งเรียกว่า เมืองในหมอก เนื่องจากสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มสักในตอนกลางคืนได้

5.ม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่

ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม ม่อนแจ่ม มีอากาศเย็นสบายตลอดปี สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก ด้านหนึ่งมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์ทิวทัศน์ของ อ.แม่แตง และอ.แม่ริม นอกจากนั้น บริเวณใกล้ ๆ ม่อนแจ่ม จะมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยภายในมีแปลงผักและงานวิจัย ผักเมืองหนาว

6.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย

ตั้งที่ตำบลศรีฐาน มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 217,576 ไร่ บนยอดภูกระดึงเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตรกม. มีต้นสนขึ้นเป็นดง มีไม้ดอกและป่าละเมาะ ทุ่งหญ้าสลับด้วยป่าดงดิบเรียงรายไปตามลำธาร มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่หลายชนิด สภาพอากาศมีอากาศเย็นสบายตลอดปี และมีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งอยู่ใกล้ๆ เช่น ผาหล่มสัก น้ำตกตาดร้อง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เป็นต้น

7.อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก

มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 เป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติแปลกและสวยงาม ทั้งยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ เป็นยุทธภูมิที่สำคัญ อันเนื่องจากความขัดแย้งของลัทธิและแนวความคิดทางการเมือง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจึงเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่รักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ของการสู้รบ และความสวยงามทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ลักษณะภูมิอากาศภูหินร่องกล้าอากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำประมาณ 4 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบาย ฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส

8.ภูทอก จ.เลย

ภูทอก เป็นจุดชมวิวและทิวทัศน์ได้รอบด้าน เป็นสถานที่ชมทะเลหมอกที่สวยงามแห่งหนึ่งในเชียงคาน ด้านทิศเหนือก็จะเห็นแม่น้ำโขงไหลคดเคี้ยวผ่านสองฝั่งไทย-ลาว ทางฝั่งไทยจะเป็นที่ราบกว้าง ส่วนฝั่งลาวจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยป่าไม้ ช่วงที่พระอาทิตย์ตกจะเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยที่สุด

9.อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก

มีพื้นที่ 789,000 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ 2518 ที่ทำการอุทยานฯ อยู่บริเวณกม.ที่ 80 บนถนนทางหลวงหมายเลข 12 สายพิษณุโลก-หล่มสัก สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เป็นต้น น้ำลำธารหลายสายที่ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ในอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ ทุ่งแสลงหลวง ทุ่งพญา ทุ่งโสนสน ถ้ำเขาบ้านมุง เป็นต้น

10.อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว

อุทยานแห่งชาติปางสีดา ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 7 ตำบลท่าแยก อำเภอเมือง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 844 ตร.กม. สภาพป่าในเขตอุทยานฯ มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าทุ่งหญ้า ยังคงความสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ไม้นานาชนิด ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของธารน้ำมากมาย อาทิ ห้วยโสมง ห้วยน้ำเย็น ห้วยพระปรง ห้วยพลับพลึง ฯลฯ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงหรือแม่น้ำปราจีนบุรี