ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยบารมีของล้นเกล้า

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยบารมีของล้นเกล้า

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ชาติไทยผ่านพ้นวิกฤตมาหลายคราด้วยบารมีของล้นเกล้า

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสน์กษัตริย์เท่านั้นที่จะทำให้ไทยได้ร่มเย็นและเป็นไท

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสน์กษัตริย์เท่านั้นที่จะทำให้ไทยได้ร่มเย็นและเป็นไท

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

ความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติศาสน์กษัตริย์เท่านั้นที่จะทำให้ไทยได้ร่มเย็นและเป็นไท

ประเทศชาติที่บรรพบุรุษสร้างสะสมมา จะมาล้มสลายเพราะคนไม่ดี เราไม่ยอม

ตราบ ใดที่ข้าพเจ้ายังใส่เครื่องแบบข้าราชการทหารอยู่นั้นนั่นหมายถึง ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการของพระองค์ท่าน และจะทำงานเพื่อทดแทนพระคุณของพระองค์ท่านตราบชีวิตข้าพเจ้าจะหาไม่ และจะไม่ให้ใครผู้ใดมาทำลายแผ่นดินเกิดของข้าพเจ้าซึ่งต้องเอาเลือดเนื้อของ บรรพบุรุษที่ปกป้องและรักษามานานตราบนาน
จนให้ลูกหลานอย่างข้าพเจ้ามีแผ่นดินอยู่อาศัย

ในหลวงทรงเป็นแบบอย่างในการ ดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าที่ให้ตั้งมั่นในความสุจริตการดำเนินชีวิตตามแบบท่าน เป็นการแสดงความจงรักภัคดีของข้าพเจ้า

สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นถาบันหนึ่งที่ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ข้าพเจ้าจักจงรักภักดีีต่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหารกษัตริย์ ขอทรงพระเจริญ

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

เรายอมสละได้แม้เลือด เนื้อ กาย ใจ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

สถาบันพระมหากษัตริย์ ของไทยเป็น ศูนย์รวมจิตใจ ของคนไทย สถาบันพระมหารกษิตริย์ ช่วยให้เราได้มีแผ่นดินอยู่จนถึงลูกหลานเราถึงทุกวันนี้

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์ ดังพระราชดำรัสว่า “ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือได้ด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น