Part
4: Unseen in Thailand |
[
1
] [ 2
] [ 3
] [ 4 ] |
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และThai-Tour.Com
ขอเชิญคนไทยค้นหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ตื่นตาตื่นใจไปกับ
Unseen in Thailand
คู่มือท่องเที่ยวฉบับพิเศษที่จะพาคนไทยไปเที่ยว
ได้สัมผัสเมืองไทยในมุมมองที่คุณไม่เคยเห็น
ทั้งที่เป็นของใหม่และที่เป็นดั่งเส้นผมบังภูเขาหมายถึงอาจอยู่ในแหล่งที่เที่ยวเก่าแต่เป็นมุมมองใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
พร้อมแนะนำวัน เวลา ที่บางครั้งต้องไปให้ถูกต้องเท่านั้น
จึงจะได้เห็นเมืองไทยในมุมมองที่สวยที่สุด
กระทิงเขาแผงม้า
กระทิง
สัตว์ในตระกูลวัวป่าขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์
อาศัยอยู่ในป่าดงดิบทึบตอนกลางวันและออกหากินในถิ่นทุ่งหญ้าระบัดยามเย็น
จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองซึ่งยากที่จะพบเห็นได้ในธรรมชาติ ใครจะเชื่อว่า
ที่เขาแผงม้าปราจีนบุรี ยังพบกระทิงหากินตามธรรมชาติได้อย่างไม่น่าเชื่อ
วันเวลาที่แนะนำ
กระทิงเขาแผงม้าสามารถไปเที่ยวชมได้ทุกวันตลอดทั้งปี
ช่วงเวลาที่กระทิงออกหากินมักเป็นในช่วงบ่าย
และเย็นที่มีโอกาสพบเห็นตัวได้มากกว่าเวลาอื่น
การเดินทาง
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304
จากตัวจังหวัดนครราชสีมาหรือจากแยกกบินทร์บุรีมุ่งหน้าสู่อ.วังน้ำเขียวซึ่งจะมีทางแยกจาก
อ.วังน้ำเขียวไปเขาใหญ่ ระหว่างทางห่างจาก อ. วังน้ำเขียวราว 6 กิโลเมตร
มีทางแยกซ้ายมือขึ้นเขาแผงม้าอีกทีหนึ่งระยะทาง 4 กิโลเมตร
|
|
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ผืนป่าอันเปรียบเสมือนตำนานในอดีตแห่งดงพญาไฟ
นับตั้งแต่ยุคป่าดิบดงดำยังปกคลุมดินแดนอันเต็มไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน
ดังปราการธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของผู้คนบนที่ราบสูง
วันนี้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ยังคงความยิ่งใหญ่ในความงดงามทางธรรมชาติเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
ตลอดจนทำหน้าที่เป็นบทเริ่มต้นของคนเดินทาง
เป็นผืนป่าอนุรักษ์เก่าแก่ที่ยังคงทำหน้าที่เป็นสื่อตัวแทนธรรมชาติ
ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยสถานที่และกิจกรรมอันเปรียบเสมือนโรงเรียนธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่สมบูรณ์แบบ
|
..................................................................
ค่างแว่นถิ่นใต้
สัตว์ที่ละม้ายล้ายลิงหรือชะนีมีให้พบเห็นอยู่ตามยอดไม้ใหญ่
กายของมันเมื่อยังเล็กเป็นสีน้ำตาลแต่เมื่อผ่านถึงวัยโตเต็มที่จะมีสีเป็นสีเทา
ใครจะเชื่อว่า สัตว์ป่าน่ารักชนิดนี้
จะมีวงรอบตาสีขาวราวกับว่าค่างทุกตัวใส่แว่น
ไม่เชื่อต้องไปดูให้รู้จริง...ค้างแว่นถิ่นใต้ จ.เพชรบุรี
วันเวลาที่แนะนำ
สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดปี สำหรับการดูค่างแว่น
หรือดูนกควรทำในช่วงเวลาเช้าตรู่หรือตอนเย็น
การเดินทาง
จากตัวเมืองเพชรบุรีไปตามเส้นทางสายเพชรเกษมมุ่งลงใต้ผ่านอำเภอท่ายาง
ถึงสี่แยกเขื่อนเพชร ระยะทาง 20
กิโลเมตรเลี้ยวขวาเข้าไปตามทางประมาณ
38 กิโลเมตร แล้วเลียบสันเขื่อนไปอีกราว
3 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานฯ
|
|
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเพชรบุรีเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย
คือประมาณ 1.7 ล้านไร่
ก่อกำเนิดลำน้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรีและเป็นบ้านของสรรพสัตว์
และพืชพรรณหลากหลายชนิดเหมาะสำหรับกิจกรรมการเดินป่าท่องเที่ยวธรรมชาติ
แค้มปิ้ง และล่องแก่ง ฯลฯ
อีกทั้งยังได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งดูนก ดูผีเสื้อ
ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทยอีกด้วย
ทะเลสาบแก่งกระจานเหนือเขื่อนแก่งกระจานเนื้อที่กว่า 45
ตารางกิโลเมตรเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามมองเห็นเกาะน้อยใหญ่โผล่พ้นน้ำถึง
30-40 เกาะ สามารถล่องเรือออกไปเที่ยวได้
ส่วนใครที่ชอบเดินป่าปืนเขา ยอดเขาพะเนินทุ่งความสูง 1,207
เมตรเป็นจุดทะเลหมอกที่งามที่สุดแห่งหนึ่ง
|
..................................................................
ภูโคลน
ลีกลงไปในใต้พื้นพิภพปฐพี
ลี้ลับด้วยทะเลสาบใต้ดินที่แท้คือสายน้ำแร่อันทรงคุณค่าที่มนุษย์ค้นหา
และพบว่าตะกอนโคลนที่ปนเปื้อนมากับน้ำใต้พิภพนั้นช่วยสร้างสรรค์ผิวพรรณให้ผุดผ่อง
และช่วยการหมุนเวียนของโลหิตให้ชีวิตสดใสใครเลยจะรู้ว่า
ทั้งปฐพีมีแหล่งโคลนเช่นนี้อยู่เพียงสามแห่งเท่านั้นในโลก
และหนึ่งในสามแหล่งนั้น นั่นคือ ภูโคลน
แหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย...ภูโคลน จ.แม่ฮ่องสอน
วันเวลาที่แนะนำ
ภูโคลนสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
|
|
การเดินทาง
ใช้ทางหลวงหมายเลข
1095 สายแม่ฮ่องสอน
ปาย ระยะทางประมาณ 6
กม.
เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเข้าหมู่บ้านกุงไม้สัก
บ้านห้วยขานอีก
4 กม.จะพบภูโคลนอยู่ทางขวามือ
แม่ฮ่องสอน
เมืองสามหมอก
เมืองที่มีหมอกทั้งสามฤดูคือทะเลหมอกในฤดูหนาว เมฆหมอกฤดูฝน
และหมอกควันจากการเผาตอซังข้าวเพื่อเตรียมเพาะปลูกครั้งต่อไปในฤดูแล้ง
เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่รวมของชนเผ่า
และศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลายเห็นได้จาก วัดจองคำปู
วัดพระธาตุดอยกองปู วัดจองกลาง ประเพณีปอยส่างลอง รำกิงกะหล่า
ฟ้อนเงี้ยว
นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ อุทยานแห่งชาติสาละวิน
สถานศึกษาธรรมชาติ และสัตว์ป่า ถ้ำน้ำลอด
|
..................................................................
ออบหลวง
โตรกเขาแม่น้ำสลักหินภูเขาหินอันยิ่งใหญ่
เต็มไปด้วยอารยธรรมของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เบื้องบนรอบด้านมีพืชพันธุ์อันหลากหลาย
งดงามทุกฤดูกาลใครจะเชื่อว่า
เบื้องล่างที่แม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านจะเกิดประติมกรรมมหัศจรรย์
ภูเขาหินจูบกัน
ที่นี่...ออบหลวง จ.เชียงใหม่
วันเวลาที่แนะนำ
อุทยานแห่งชาติออบหลวงสามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่ช่วงที่สวยงามที่สุด
จะเป็นในช่วงฤดูแล้งราวเดือนมกราคมที่ป่าเต็งรังทั้งป่าจะเปลี่ยนสีสวยงามมาก
|
|
การเดินทาง
จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข
108 ไปยังอำเภอฮอด เลี้ยวขวาขึ้นไปทางอำเภอแม่สะเรียงประมาณ
22 กิโลเมตร จะผ่านอุทยานฯ ออบหลวง
อุทยานแห่งชาติออบหลวง
ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่
มีจะจุดเด่นที่โตรกธาร
และผาหินที่ถูกลำน้ำแม่แจ่มกัดเซาะจนเกิดเป็นโตรกเขาน้ำเชี่ยวกรากรุนแรง
ท้าทายนักล่องแก่งทั้งหลายให้มาร่วมผจญภัยไหลคดเคี้ยวไปตามสายน้ำนอกจากนี้อุทยานฯ
ออบหลวงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
และประวัติศาสตร์ที่ต้องเดินข้ามสะพานออบหลวงเข้าสู่แหล่งโบราณคดีที่ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์
และภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำร้อนเทพพนมที่มีน้ำพุร้อนธรรมชาติอุณหภุมิ
99 องศาเซลเซียส
พวยพุ่งขึ้นมากระทบน้ำเย็นใต้ดินจนเกิดไอร้อนคุอยู่ตลอดเวลาสภาพธรรมชาติอันงดงามของอุทยานฯ
ออบหลวงเหมาะแก่กิจกรรมกลางแจ้งหลายประเภท ทั้งการเดินป่า ปั่นจักรยาน
พายเรือคายักและล่อง เรือยางชมธรรมชาติ
|
..................................................................
บึงบัวทะเลน้อย
บึงน้ำแห่งชีวิตที่รวมของมวลไม้น้ำและเหล่าปักษาที่มาอาศัยอยู่นับแสน
เป็นบึงน้ำที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของผู้คนมาเนิ่นนานเรียกขาน บึงว่าเป็น ทะเล
ด้วยความกว้างใหญ่ใครจะเชื่อว่าในยามเช้าทุกวันเมื่อแสงแดดส่อง
บึงน้ำแห่งนี้ก็จะกลายเป็นบึงสีชมพูด้วยบัวแดงบานสะพรั่ง บึงบัวทะเลน้อย จ.พัทลุง
วันเวลาที่แนะนำ
ทะเลบัวสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีช่วงเวลาที่งดงามที่สุดคือช่วงเช้าราว
7.00-9.00 น.ดอกบัวจะบานเต็มที่เป็นสีชมพูเต็มบึงช่วงที่มีนกมากที่สุดทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ
คือ ช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน
|
|
การเดินทาง
จากจังหวัดพัทลุงใช้ทางหลวงหมายเลข
41
ถึงอำเภอควนขนุนแยกขวามือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข
4048 จนถึงบึงน้ำทะเลน้อย
ระยะทางทั้งสิ้นราว 32 กิโลเมตร
ทะเลน้อย
จังหวัดพัทลุง
เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย
มีลักษณะนิเวศเป็นบึงน้ำจืดกว้างใหญ่เชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลาทางทิศใต้
ทะเลน้อยคือบ้านของปลาน้ำจืดหลากสายพันธุ์
ที่ช่วยหล่อเลี้ยงวิถิชีวิตผู้คนโดยรอบมาแต่อดีตที่นี่คือแหล่งอาศัยสำคัญของนกน้ำกว่า
287 ชนิด
จนได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลกแห่งแรกของเมืองไทย
ช่วยอนุรักษ์พันธุ์นกต่าง ๆ ให้อยู่คู่นิเวศพรรณไม้น้ำอย่างงดงามลงตัว
แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในจังหวัดพัทลุง เช่น วัดถ้ำคูหาสวรรค์
ถ้ำเขาอกทะลุที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีหาดแสนสุข
ลำป่าริมทะเลสาบสงขลาและอุทยานแห่งชาติเขาปู่ เขาย่า
ที่เป็นป่าดงดิบอุดมสมบูรณ์โดดเด่นด้วยจุดชมวิวผาผึ้งที่มีผึ้งหลวงมาทำรังนับร้อยทุกเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
|
..................................................................
ภูเขาหญ้าสองสี
อะไรเอ่ยสูงเท่าฟ้าแต่ต่ำกว่าหญ้านิดเดียวคำตอบ คือ ภูเขา
ภูเขาที่เต็มไปด้วยหญ้า
ต่างสีต่างวันเวลาเนินลูกแล้วลูกเล่างดงาม
เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและชมความมหัศจรรย์ยามเย็นใครจะเชื่อว่า
เมื่อแสงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าภูเขาทั้งลูกจะกลายเป็นสีทอง...ภูเขาหญ้า
จ.ระนอง
วันเวลาที่แนะนำ
ภูเขาหญ้าสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปีภูเขาหญ้าสีเขียวพบได้ในฤดูฝน
ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
ภูเขาหญ้าสีทองพบได้ในฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน
การเดินทาง
จากตัวเมืองระนองมาตามทางหลวงหมายเลข
4
สู่จังหวัดพังงาประมาณ 12 กม.
จะเห็นภูเขาหญ้าอยู่ทางขวามือตรงข้ามน้ำตกหงาว
|
|
ระนอง
เมืองฝนแปดแดดสี่
เมืองที่ได้รับน้ำฝนมากทีสุดในประเทศไทย จึงมีความอุดมสมบูรณ์
และนับว่ามีน้ำตกมากมายให้เที่ยว น้ำตกชุมแสง น้ำตกบกกราย
น้ำตกปุญญบาลน้ำตกหงาว น้ำตกไตนเพชร และมีจุดชมวิวสวย
ทั่งพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่เขาฝาชี
มีศูนย์วิจัยป่าชายเลนที่มีต้นโกงกาง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และที่สำคัญที่สุด คือ คอคอดกระ
ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทยก็อยู่ที่นี้ทำให้เมืองระนองเป็นที่น่าสนใจต่อนักท่องเที่ยว
|
..................................................................
ต้นดิกเดียม
ต้นไม้อะไรใครรู้ดูประหลาดผิดธรรมชาติพันธุ์พฤกษาน่าฉงน
แค่เห็นเป็นต้นไม้หันหลังให้แดดหันหน้าเข้าวัดก็แปลกเหลือหลายอยู่แล้วแต่ใครจะเชื่อว่า
ต้นไม้ประหลาดต้นนี้เป็นต้นไม้อารมณ์ขันใบไม้จะไหวสั่นทุกครั้งที่ถูกคนสัมผัส...ต้นดิกเดียม
จ.น่าน
วันเวลาที่แนะนำ
ต้นดิกเดียม
สามารถไปชมได้ทุกวัน
แต่ไม่ควรไปลูบคลำเนื่องจากในประเทศไทยมีอยู่ต้นเดียว
เจ้าอาวาสที่วัดท่านจะลูบให้ดู
การเดินทาง
จากจังหวัดน่านเดินทางด้วยทางหลวงหมายเลข
1080
และ
1256 สู่อำเภอปัว
ก่อนถึงตัวอำเภอเล็กน้อยมีทางแยกซ้ายเข้าสู่วัดปรางซึ่งเป็นที่ตั้งของต้นดิกเดียม
|
|
อำเภอปัว จังหวัดน่าน
เยือนถิ่นไทยลื้อ
เมืองปัวเป็นที่ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ของไทยลื้อมาหลายร้อยปี
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนดินและแหล่งน้ำ
วัฒนธรรมชาวไทยลื้อคือ การทอผ้าลายไหล และวัดประจำหมู่บ้าน
ล้วนสะท้อนคติความเชื่อ ฝีมือเชิงช่าง
และจินตนาการทางศิลปะของชุมชนชาวน้ำเช่นไทยลื้อได้อย่างดี
วัดต้นแหลงวิหารทรงตะคุ่มหลังคาลาดต่ำ ซ้อนกัน 3
ชั้น
ลักษณะเดียวกับบ้านเรือนแบบเดิมของชาวไทยลื้อแถบสิบสองปันนา
ผนังเจาะช่องหน้าต่างเล็ก ๆ เพื่อป้องกันอากาศหนาวเย็น
และวัดหนองแดงก็มีความเป็นเอกลักษณ์ของไทยลื้อ
|
..................................................................
ถ้ำลอดเกาะพนัก
ถ้ำทะเลที่กำเนิดจากแรงกัดเซาะของคลื่นทะลุทุลวงจนเป็นโพรงให้ผู้คนดั้นด้นเข้าไปค้นหาใครจะเชื่อว่า
ด้วยเรือแคนุลำน้อยค่อย
ๆ
ฝ่าความมือเข้าไปในยามที่น้ำลดทะเลสาบสีใสราวมรกตแวดล้อมด้วยภูผา
ก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกับมิติลี้ลับที่คืนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง...ถ้ำลอดเกาะพนัก
จ.พังงา
วันเวลาที่แนะนำ
ถ้ำลอดเกาะพนักสามารถเที่ยวได้สะดวกตามฤดูกาลคือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม
แต่การจะเข้าถ้ำได้ต้องเลือกเข้าใจจังหวะเวลาน้ำลงและออกจากถ้ำก่อนเวลาน้ำขึ้น
ซึ่งต้องศึกษาตารางน้ำในแต่ละวัน
|
|
การเดินทาง
จากอ่าวพังงาสามารถเช่าเหมาเรือออกไปเที่ยวที่เกาะพนัก
ได้การล่องแคนูอาจเป็นการสะดวก ถ้าติดต่อบริษัททัวร์เอกชนที่ดำเนินธุรกิจประเภทนี้อยู่โดยเฉพาะจากภูเก็ต
หมู่เกาะในอ่าวพังงา
อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา
ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมากมายกว่าร้อยเกาะ
แต่ละเกาะล้วนมีรูปทรงสัณฐานงดงามแปลกตา บางเกาะคล้ายตะปู
คล้ายดอกเห็ด หรือลักษณะสัตว์ต่าง ๆ ตามจินตนการของผู้พบเห็น
และเกาะแก่งในอ่าวพังงายังมีถ้ำทะเล
อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล คลื่น ลม เช่น
บริเวณถ้ำลอดใหญ่ ถ้ำลอดน้อย เกาะพนัก เกาะตะปู เกาะเขาพิงกัน
และยังสามารถเที่ยวชม วิถีชีวิตของผู้คนบนชุมชน
เกาะปันหยี
ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีผืนแผ่นดินที่ราบ
แต่ยังมีหมู่บ้านชาวประมงราว 120 หลังคาเรือน
ปลูกสร้างบ้านเรือนติดกันอยู่ในทะเลรอบเกาะ
|
..................................................................
เขาสก กุ้ยหลินเมืองไทย
ขุนเขาสูงล้ำค้ำฟ้า
ตระหง่านเงื้อมประดุจภูผาปราการเป็นแหล่งกำเนิดของพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นหลากหลาย
ให้ผู้คนค้นหาคุณค่าป่าดงดิบอันพิสุทธิ์ของแดนใต้ใครจะเชื่อว่า
ถ้าบินได้ดั่งนกแล้วมองดูเขาสกที่อยู่เบื้องล่าง
อาจเผลอนึกไปได้ว่านี่คือกุ้ยหลินเมืองไทยที่ไม่ต้องบินไปดูไกลถึงเมืองจีน...เขาสก
จ.สุราษฎร์ธานี
วันเวลาที่แนะนำ
ฤดูที่เหมาะสมกับการไปเที่ยวป่าเขาสกคือระหว่างเดือนธันวาคม
เมษายน
|
|
การเดินทาง
จากตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีใช้เส้นทางหมายเลข
401ซึ่งเชื่อมกับอำเภอตะกั่วป่าผ่านอุทยาน ฯ เขาสกระยะทางราว
100 กม.
เขาสก
อุทยานแห่งชาติเขาสก ตั้งอยู่ในเขตอำเภอศีรีรัฐนิคม อำเภอพนม
และอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นส่วนหนึ่งของป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดในภาคใต้
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนสลับซับซ้อนเต็มไปด้วยหุบลีก
ร่องลำธาร ถ้ำ และน้ำตก
อุดมสมบูรณ์ด้วยพรรณไม้หายากระดับโลกหลายชนิด เช่น
ปาล์มหลังขาว หมากพระราหู กระพ้อสี่สิบ บัวผุด ฯลฯ
และมีนกป่าอาศัยอยู่กว่า 155 ชนิด
ใจกลางผืนป่าเขาสกคือเขื่อนรัชชประกา
(เขื่อนเชี่ยวหลาน)
ซึ่งเกิดจากการกั้นลำน้ำคลองแสงจนเกิดทัศนียภาพของทะเลสาบขนาดใหญ่กว่า
1 แสนไร่ และเกาะหลายร้อยเกาะ ที่เหมาะจะผจญภัยเดินป่า พายเรือ
ว่ายน้ำเล่น ดูนก และศึกษาพรรณไม้หลายชนิด
|
|