|
วัดช้างเผือก
อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
|
|
เป็นที่ประดิษฐานศพของพระครูพชราจารย์
หรือหลวงพ่อทบ ที่บรรจุศพอยู่ในโลงแก้ว ซึ่งศพของท่านไม่เน่าเปื่อย
และเป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดเพชรบูรณ์และผู้ที่เดินทางผ่าน
ในเดือนมีนาคมจะมีงานประจำปีครบรอบวันมรณภาพของหลวงพ่อทบเป็นประจำทุกปี
การเดินทาง จากตัวเมืองเพชรบูรณ์ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข
21 ถึงสามแยกวังชมพูเลี้ยวซ้านไปตามเส้นทางอำเภอหนองไผ่
อยู่ระหว่างกิโลเมตรที่ 118
ก่อนถึงสามแยกบ้านนายมซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดไปอีกประมาณ 700
เมตร
|
|
ประวัติของหลวงพ่อทบ
พระเกจิดังๆ
นั้นมีมาหลายยุคหลายสมัยโดยเฉพาะในช่วงโบราณกาล
เรามักจะเคยได้ยินเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระหลายๆ
ท่านถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏแก่สายตายชาวบ้าน อาทิ
คาถาอาคมของสมเด็จโตที่สะกดวิญญาณนางนาคให้สงบลงได้
หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืด
พระที่ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ
จนปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักกีฬา
หรือนักธุรกิจก็มักนิยมไปให้หลวงพ่อคูณเคาะศีรษะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีเรื่องราวพระที่ศักดิ์สิทธิ์นามว่า
พระครูวิชิต พัชราจารย์
หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า
หลวงพ่อทบ
หลวงพ่อทบเกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2424 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น
14 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ท่านเป็นบุตรของนายเผือก และนางอินทร์
ม่วงดี มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ถิ่นฐานเดิมอยู่ที่บ้านยางหัวลม
ตำบลวังชมภู
สมัยเด็กหลวงพ่อทบท่านชอบศึกษาเล่าเรียนภาษาขอม
และวิชาอาคมต่างๆ เมื่ออายุได้ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ
วัดช้างเผือก ตำบลนายม (วังชมภู) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
จนอายุครบ 21 ปี ก็อุปสมบท ณ วัดเกาะแก้ว และได้รับฉายาว่า
ธมฺ มปฺ โญ ภิกขุ
เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดช้างเผือก 2
ปีจากนั้นก็ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดวังโป่งอีก 2 ปี
และท่านก็ได้ออกธุดงค์ไปตามป่าลึกทั้งในประเทศพม่า ลาว และเขมร
แล้วฝึกวิชาอาคมต่างๆ
ตอนที่หลวงพ่อทบออกธุดงค์นั้นก็ต้องพบเจอกับสัตว์ป่านานาชนิด
จนบางครั้งมีฝูงช้างป่าและเสือโคร่ง มาหากินและนอนอยู่ข้างกลด
ท่านก็ได้แผ่เมตตาให้และภาวนาว่า
เอ็งหากิน ข้าก็หากิน
เอ็งก็อยู่ ข้าก็อยู่ เมื่อมาก็ดีแล้ว จงนอนเสียเถิด
สัตว์ป่าเหล่านั้นก็นอนตามปกติโดยที่ไม่รบกวนหลวงพ่อทบเลย
เรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อยังคงมีปรากฏให้เห็นอีกเรื่อยมา
ครั้งหนึ่งมีชายวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ
บอกว่ามีคนจะตามฆ่าเพราะไปรู้เรื่องการปล้นของเขา
หลวงพ่อก็หยิบเอาเศษไม้ที่ถากทิ้งไว้ขึ้นมาเสกเป่าคาถา
แล้วยื่นให้ชายผู้นั้น แล้วบอกว่าถ้ามีคนเข้ามาให้อยู่เฉยๆ
ไม่ต้องพูดอะไร
สักพักก็มีกลุ่มคนวิ่งเข้ามาถามหลวงพ่อว่าเห็นคนวิ่งมาทางนี้หรือเปล่า
หลวงพ่อไม่อยากโกหกจึงตอบไปว่า ถ้ามีเอ็งก็เห็นแล้วซิ
ชายกลุ่มนั้นไม่พอใจจึงหันปืนยิงใส่หลวงพ่อ
แต่ปืนกลับยิงไม่ออก กลุ่มโจรจึงก้มกราบและขออภัยที่ล่วงเกิน
ชื่อเสียงของหลวงพ่อทบเริ่มเป็นที่รู้จักต่อประชาชนทั่วๆ ไป
เริ่มเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ คือ
เป็นพระที่เคร่งปฏิบัติศีล สมาธิดี
แถมยังเป็นพระนักพัฒนาสร้างวัด สร้างโบสถ์ หลายแห่ง
นอกจากนี้ยังได้สร้างพระเครื่อง
และเครื่องรางของขลังไว้ปกป้องคุ้มครองชาวบ้านให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
หลวงพ่อทบจำวัดอยู่ที่วัดพระพุทธบาทถึง 19 ปี ได้สมณศักดิ์เป็น
พระครู วิชิต พัชราจารย์
คุณลักษณะของท่านที่ได้รับการกล่าวขานคือ
หลวงพ่อทบ วาจาสิทธิ์ แห่งวัดพระพุทธบาทชนแดน
ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงพ่อทบท่านได้กลับมาพัฒนาที่วัดช้างเผือก
ซึ่งขณะนั้นกลายเป็นวัดร้าง ให้กลับมาเจริญรุ่งเรือง
วันหนึ่งหลวงพ่อทบนั่งคุยกับญาติโยม ศิษยานุศิษย์
ท่านพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า
ถ้าหลวงพ่อเสียชีวิต ขอให้นำศพไว้ที่วัดช้างเผือกไม่ต้องเผา
ต่อไปวันข้างหน้าจะมีผู้มาช่วยพัฒนาวัดช้างเผือกเอง
หลวงพ่อทบมรณภาพเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2519
เวลาประมาณเที่ยงวัน
แต่สรีระของท่านกลับไม่เน่าเปื่อยเหมือนกับพระเกจิดังๆ ทั่วไป
ปัจจุบันสรีระของท่านเก็บรักษาไว้ในโรงแก้วภายในมณฑป ณ
วัดช้างเผือก ให้ผู้ที่ไปเที่ยวสามารถเคารพสักระบูชาได้ โดย
วัดช้างเผือก ตั้งอยู่ที่ ต.วังชมภู อ.เมือง
จังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนถึงสามแยกวังชมภูประมาณ 2 กม.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.ภาคเหนือ เขต 3 โทร.
0-5525-2743,0-5525-9907
|
|
|
|
วิหาร
|
|
|
เจดีย์เก่า
|
|
|
ศพของพระครูพัราจารย์ (หลวงพ่อทบ)
|
|
|
|
เจดีย์ใจดี
|
|
|
เจดีย์ใจร้าย
|
|
|
เมรุ
|
|
|
|
ดอกสาละ
|
|
|
|
|
|
|
|
|