ประวัติของวัดต่อแพ
คือเดิมบริเวณวัดเป็นวัดร้างสันนิฐานว่าเป็นวัดของชาวลวะหรือละว้าที่สร้างมาเป็นเวลานานแล้ว
ภายหลังเมื่อมีคนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้
จึงพบวัดต่อแพซึ่งมีซากเจดีย์เก่ามีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางเจดีย์แต่ในตอนนั้น
ยังไม่มีใครกล้าเข้ามายังบริเวณนี้เพราะเล่ากันว่ามีผีดุมาก
ต่อมาชาวบ้านได้นิมนต์เจ้าอาวาสวัดต่อแพเก่า (
ปัจจุบันเป็นมี่ตั้งศูนย์เด็กเล็ก ) ให้มาทำการบูรณะวัด
โดยมีศรัทธาบ้านเมืองปอน
บ้านขุนยวมและบ้านต่อแพร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาเมื่อราวปี พ .
ศ . ๒๔๖๑
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า
วัดต่อแพเป็นวัดเก่าแก่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน
ภายหลังจึงได้รับการสร้างขึ้นใหม่
ดังมีหลังฐานปรากฏในแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศว่า
วัดต่อแพและหมู่บ้านต่อแพเป็นเมืองโบราณ
เมื่อโครงการสำรวจชุมชนโบราณของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ได้เข้าไปทำการสำรวจจึงทราบว่า
ต่อแพเป็นเมืองเก่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเป็นหนึ่งในสามของเมืองเก่าที่ปรากฏในแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศดังกล่าว
อนึ่ง
มีบางตำราได้กล่าวถึงประวัติของวัดว่าสถานที่แห่งนี้เดิมเป็นที่พักและรวมซุงไม้
มีนจักต่อแพมาชุมนุมกันมาก
นักต่อแพเหล่านั้นจึงร่วมใจกันสร้างวัดขึ้นมาและให้ชื่อว่า
วัดต่อแพสถาปัตยกรรมที่ดีเด่นของวัดต่อแพ
คือศาลาการเปรียญซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมไทใหญ่ที่สวยงามที่สุดในอำเภอขุนยวม
ตัวอาคารซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้นได้รับการก่อสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง
มีความกว้างประมาณ ๓๐ เมตร และยาวประมาณ ๒๕ เมตร
หลังคาซึ่งมีหลายชั้นแยกออกจากกันเป็นหลัง ๆ
และมุงด้วยสังกะสีที่ได้รับการสลักลวดลายอย่างสวยงาม
ปัจจุบันนี้สภาพโดยทั่วไปของศาลาการเปรียญยังสมบูรณ์ดี
เนื่องจากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพระคณะพิสิฐศ์พรหมคุณ
ท่านจากอาวาสวัดอย่างสม่ำเสมอ วัดต่อแพมีวัตถุโบราณล้ำค่าหลายอย่าง
เช่น ผ้าม่านประดับพลอดกว้าง ๒ เมตร ยาว ๓ เมตร
ตู้พระธรรมซึ่งนำมาจากเมืองมะละแหม่ง แกะสลักอย่างสวยงามจำนวน ๒
ใบและพระพุทธรูปล้ำค่าอีกหลายองค์ นอกจากนี้
ภายในบริเวณวัดยังมีอาคารที่เก่าแก่อีกหลายหลัง คือ
จองซอนหรือศาลาสรงน้ำพระซึ่งใช้เป็นที่สรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทใหญ่
ตลอดจนวิหารและเจดีย์เก่าแก่ สร้างขึ้นราวปี พ . ศ . ๒๔๖๓
และถานหรือส้วมพระสงฆ์สมัยโบราณที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดาร
มีหลังคาลดชั้นและลวดลายแกะสลักไม้ปัจจุบันนี้ยังใช้งานได้ดี อนึ่ง
วิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
คือที่บริเวณด้านหน้าของศาลาการเปรียญนั้น
องค์เจดีย์จะตั้งอยู่ด้านทิศเหนือและวิหารจะตั้งอยู่ด้านทิศใต้
สำหรับองค์เจดีย์ ซึ่งได้กล่าวถึงแล้วข้างต้นว่ามีมาแต่เดิม
ต่อมาจึงได้รับการบุรณะให้มีสภาพสมบูรณ์ขึ้น
สิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเจดีย์นี้
คือต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่กลางองค์เจดีย์และไม่มีใครกล้าตัดออก
หรือแม้แต่จะนำช้างนี้มาเลี้ยงในบริเวณนั้น เพราะเล่ากันว่ามีผีดุ
ชาวบ้านบางคนกล่าวว่า เวลานำช้างมาเลี้ยงทีไร
ช้างจะแตกตื่นวิ่งหนีไปเสียทุกครั้งต่อมา
เมื่อมีศาลาการเปรียญขึ้นมาเป็นอาคารหลังแรกของวัดต่อแพในปี พ . ศ .
๒๔๖๑ ( เจดีย์ยังไม่ได้รับการบูรณะ )
ได้มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นคือ ทุกวันขึ้น ๑๔ , ๑๕ ค่ำ
จะมีดวงไฟส่องสว่างลอยออกมาจากเจดีย์องค์ดังกล่าว แต่ไม่มีใครสนใจ
จนวันหนึ่ง
มีเณรไปเล่นที่รอบเจดีย์โดยขุดคุ้ยกองอิฐเก่าที่ฐานเจดีย์นั้น
ก็ได้พบผอบเงิน เมื่อแกะดูข้างในมีพระธาตุเม็ดเล็ก ๆ ขนาดข้าวสาร
มีแสงระยิบระยับไปหมด เจ้าอาวาสทราบดังนั้น
จึงสั่งให้เก็บไว้ที่องค์เจดีย์ตามเดิม
ครั้นข่าวการพบพระธาตุได้กระจายไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในหมู่บ้าน
ต่างบ้านจนไกลไปถึงเมืองมะละแหม่งและร่างกุ้งในสหภาพพม่า
ก็มีผู้คนมาทำบุญกันมากมาย
อีกทั้งถวายเงินเข้าวัดเป็นจำนวนมากจึงมีผู้คิดจะสร้างเจดีย์องค์ใหม่เพื่อครอบองค์เก่า
แต่ไม่มีใครกล้าตัดต้นไม้ที่ขึ้นกลางเจดีย์
แม้ว่าจะมีหมอผีหลายคนรับอาสาทำพิธีตัดให้ แต่ก็ไม่สำเร็จสักคน
ทั้งนี้เนื่องจากเวลาที่ทำพิธีอยู่นั้น
เมื่อหมอผีนำขวานไปฟันติดกับต้นไม้แล้วมี
การจุดธูปเทียนบอกกล่าวพร้อมกับอธิฐานว่า
ถ้าอนุญาตให้ตัดต้นไม้ขอให้ขวานติดอยู่ดังเดิม แต่ครั้นรุ่งเช้า
ขวานก็จะกระเด็นไปตกที่อื่นอยู่เช่นนั้นเสมอ
จนวันหนึ่งเจ้าอาวาสฝันว่าเจ้าของเจดีย์จะอนุญาตให้ตัดต้นไม้ก็ต่อเมื่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำยวมซึ่งอยู่ติดกับวิหารให้ก่อน
เจ้าอาวาสจึงเรียกชาวบ้านมาช่วยกันสร้างสะพานและทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าของเจดีย์ก็มาเข้าฝันเจ้าอาวาสอีกว่า
บัดนี้พวกผีสิงสถิตอยู่ในเจดีย์ได้ข้ามแม่น้ำยวมไปอยู่ดอยคูเวียงซึ่งเป็นวัดร้างอีกแห่งหนึ่งบนเขาแล้ว
ชาวบ้านจึงได้ออกเงินกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ จากนั้น
การตัดไม้ก็สำเร็จลงและเจดีย์องค์ใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นครอบเจดีย์องค์เก่าดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
และภายหลังได้มีการสร้างวิหารขึ้นอีก
สำหรับเจดีย์และวิหารของวัดต่อแพซึ่งสร้างขึ้นใหม่นี้สร้างตามแบบศิลปะพม่าผสมกับไทใหญ่
โดยองค์เจดีย์มีฐานกว้างประมาณ ๑๒ x ๑๒ เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ
และมีความสูงประมาณ ๒๐ เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ และมีสิงห์ทั้ง ๔
มุม อนึ่ง
ฉัตรทองซึ่งมีระฆังห้อยหลายชั้นนั้นเมื่อลมพัดจะเกิดเสียงดังกังวานไปทั่ว
อนึ่งวิหารของวัดมีหลังคาสูงคล้ายวิหารที่วัดลำปางหลวง จังหวัดลำปาง
และมีเสากลม ตัวเพดานเขียนลวดลายอย่างสวยงาม ทางเข้าวิหารอยู่ทางทิศใต้
นับว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 ซึ่งได้แก่ วิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพ
ต่างก็เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านต่อแพ
ตลอดจนชาวอำเภอขุนยวมโดยทั่วกัน สำหรับความงดงาม อาจกล่าวได้ว่า
วิหารของวัดเป็นวิหารที่สวยงามที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ว่าได้
---------------------------------------------------------------------------
ที่พักแม่ฮ่องสอน |
โกลเด้น ปาย
|
285 หมู่ 1, บ้านปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 58000
ราคา 1,400 - 2,500 บาท |
เม้าท์เทน อินน์ & รีสอร์ท
|
122/2 ถ.ขุนลุมประพาส โทร 02-1641001 to 7 ราคา 950-3,950 บาท |
สวัสดี เพลส
|
29 หมู่ 8 ต.ปางหมู อ.เมือง โทร
02-1641001 to 7 ราคา 450-550 |
อิมพีเรียลธารา แม่ฮ่องสอน
|
149 หมู่ 8 ต.ปางหมู โทร
02-1641001 to 7 จำนวน 104 ห้อง ราคา 1,677-4,000 บาท |
---------------------------------------------------------------------------
|