ล่องแก่ง ลำน้ำเข็ก |
ที่ตั้ง
ลำน้ำเข็ก
เป็นลำน้ำที่กำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์
ในเขตอำเภอ เขาค้อ
แล้วไหลผ่านอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
เป็นน้ำตกศรีดิษฐ์
น้ำตกแก่งโสภาที่เลื่องชื่อของพิษณุโลก
น้ำตกปอย น้ำตกแก่งซอง
และน้ำตกวังนกแอ่น
แล้วไหลผ่านอำเภอวังทอง
ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแม่น้ำวังทอง
ไปรวมกับแม่น้ำน่านที่อำเภอบางกระทุ่ม
ลักษณะลำน้ำ
เป็นลำน้ำขนาดไม่ใหญ่นัก
ในช่วงหน้าฝน
น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
และในช่วงหน้าแล้งจะเป็นสีเขียวใส
ลำน้ำเข็กจะไหลคดเคี้ยวไปตามซอกเขาใหญ่น้อยตั้งแต่
เทือกเขาเพชรบูรณ์
จนผ่านเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงจะมีเกาะแก่งมากมาย
เช่น แก่งวังน้ำเย็น
ในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
ในเขตพื่นที่หน่วยหนองแม่นา
และไหลเคียงคู่กับทางหมายเลข
12
ตามลำน้ำจะมีเกาะแก่งมากมาย
ความรุนแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับระดับน้ำ
ถ้าเป็นช่วงหน้าผนตกชุก
ความรุนแรงของกระแสน้ำจะมากตามมาด้วย
จุดเด่นของลำน้ำ
ลำน้ำเข็ก
เป็นลำน้ำที่สามารถนำเรือยางมาใช้ล่องแก่งได้อย่างสนุกสนาน
เร้าใจตลอดเส้นทาง คือ
ตั้งแต่บ้านปากยาง
ตำบลทรัพย์ไพรวัลย์
อำเภอวังทอง ลงไปจนถึง
น้ำตกแก่งซอง รวมระยะทาง
8 กิโลเมตร
ใช้เวลาในการล่องแก่งไม่เกิน
3 ชั่วโมง
แล้วแต่ระดับน้ำจะมากหรือน้อยซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป
ตั้งแต่จุดเริ่มต้นล่องแก่ง
จะพบกับแก่งต่าง ๆ
ที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับ
1
2 แล้วค่อย ๆ
รุนแรงถึงระดับ 4
5 ในช่วงท้าย ๆ
ทำให้มีเวลาซักซ้อมฝีพายก่อน
และบางแก่งจะมีความยาวของแก่งต่อเนื่องกันเป็นระยะหลายร้อยเมตร
การเดินทางมาล่องแก่งนี้มีความสำดวก
เพราะว่าลำน้ำจะอยู่ใกล้ถนน
คือ
ลงจากรถยนต์ก็สามารถขึ้นแพยางได้เลย
แล้วเมื่อถึงจุดขึ้นจากแพยางก็สามารถขึ้นรถต่อได้เช่นกัน
ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนสถานที่อื่น
ๆ
แก่งต่าง
ๆ ในลำน้ำเข็ก
เมื่อเริ่มลงเรือยางจากท่าน้ำทรัพย์ไพรวัลย์
มาได้ไม่ไกลนัก
ก็จะสัมผัสกับ
แก่งท่าข้าม
เป็นแก่งที่ไม่ใหญ่นักสามารถทำการฝึกการบังคับเรือความยากอยู่ที่ประมาณ
1
2 เท่านนั้น
ในช่วงที่น้ำน้อย
ก็มีโขดหินโผล่พ้นน้ำพอให้ออกกำลังกายพอหอมปากหอมคอผ่านพ้อนแก่งท่าข้ามจะพบน้ำนิ่งอยู่สักพัก
สามารถกระโดดลอยคอเล่นได้ล่องแก่งไปสักหน่อยก็จะถึงแก่งไทร
แก่งไทร
เป็นแก่งที่มีความยากในระดับ
3
4
เมื่อผ่านสายน้ำนิ่งมาแล้วสายน้ำจะแยกออกเป็น
2 ทาง
ทางซ้ายมือไม่สามารถล่องผ่านไปได้เพราะจะมีโขดหินใหญ่โผล่ออกมามากมาย
และมีต้นไม้หนาแน่นจะต้องผ่านทางด้านขวาของสายน้ำซึ่งเป็นช่องทางไม่กว้างนักลักษณะของแก่ง
คือ
เมื่อเริ่มล่องแก่งได้ประมาณ
10
เมตรสายน้ำจะหักเลี้ยวซ้ายมือทันทีฝีพายทางด้านขวามือต้องทำงานค่อนข้างหนักจึงจะผ่านแก่งมรดกป่าได้
แก่งปากยาง
เมื่อล่องผ่านแก่งมรดกป่ามาได้ไม่ไกลนักจะได้ยินเสียงน้ำดังสนั่นอยู่ด้านหน้า
เรียกว่า แก่งปากยาง
ที่แก่งน้ำด้านซ้ายของสายน้ำ
ฝีพายจะต้องยึดสายน้ำทางด้านซ้ายมือเอาไว้
ความยากของแก่งปากยางจะอยู่ในระดับ
2
3
แล้วแต่ความมากน้ำของกระแสน้ำก่อนจะหมด
แก่งปากยางน้ำ
จะมีน้ำตกเล็ก ๆ
ที่ลดระดับของชั้นหินขวางอยู่ทั้งลำน้ำ
มีความสูงต่างระดับกันประมาณ
1 เมตรกว่า ๆ ที่เรียกว่า
แก่งหินลาด
แก่งหินลาด
จะเป็นช่วงสุดท้านของแก่งปากยางเป็นหินลดระดับลงห่างกันประมาณ
1 เมตร
เมื่อล่องเรือยางมาถึงแก่งนี้แล้ว
จะต้องยึดตัวให้อยู่บนเรือ
ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกกระแสน้ำซัดกระเด็นออกนอกเรือ
หรือกระเด็นไปอยู่ที่ด้านหลังหรอด้านหน้าของเรือก็ได้
เมื่อผ่านแก่งนี้ไปได้สายน้ำจะลดความรุนแรงลง
กลายเป็นสายน้ำนิ่งไหลเอื่อยอีกครั้ง
แก่งสวนรัชมังคลา
ไม่ไกลจากแก่งน้ำตกหลังสวนนัก
จะพบกับทางแยกของสายน้ำอีกครั้ง
สามารถไปได้ทั้งซ้ายและขวา
แต่ขอแนะนำให้ล่องแพไปทางด้านชวาของสายน้ำจะสนุกตื่นเต้นกว่าทางด้านซ้าย
ทางด้านขวาน้ำจะมีหินขวางอยู่กลางลำน้ำ
ทำให้ได้สนุกสนานกับการบังคับเรือยางให้ผ่านพ้นไปช่วงปลาย
ๆ ของแก่งนี้
จะมีความรุนแรงถึงระดับ 3
4 เลยทีเดียว
ถ้าเป็นช่วงนี้น้ำขึ้นสูงมาก
ๆ จะมียอดคลื่นสูงเกิน 1
เมตร
แก่งซาง
อยู่ไม่ไกลจากแก่งสวนรัชมังคลา
ก่อนที่เรือจะถึงแก่งซางน้ำ
สายน้ำจะค่อนข้างราบเรียบ
ลักษณะของแก่งซางจะเป็นลานหินกว้างมาก
และลดระดับลงในแต่ละช่วง
กว่าจะสิ้นสุดแก่งซางนั้น
สายน้ำก็ลดระดับลงไม่ต่ำกว่า
10 เมตร
แก่งนี้จึงมีความยากในระดับ
4
5
เมื่อเรือยากล่องผ่านน้ำนิ่ง
สายน้ำจะหักเลี้ยวซ้าย
ทันทีที่เรือเลี้ยวมาตามสายน้ำ
ก็จะได้พบกับความยิ่งใหญ่ของแก่งซาง
ความรุนแรงของกระแสน้ำ
ที่ลดหลั่นกันลงไปตามเชิงชั้นของแผ่นหินกระเซ้นแตกเป็นฟองกระจาย
กว่าจะผ่านแก่งซางไปได้น้ำก็เข้ามาเต็วเรือทีเดียวเพราะฉะน้ำจะต้องบังคับเรือชิดทางด้านฝั่งซ้ายเอาไว้
ถ้าบังคับเรือมากลางสายน้ำ
หรือด้านขวาของสายน้ำ
ความรุนแกรงของกระแสน้ำจะพัดเรือไปกระแทกหินทางด้านฝั่งขวา
อาจจะทำให้เรือพลิกคว่ำได้
แก่งซางนี้จึงนับได้ว่าเป็นแก่งที่ค่อนข้างอันตราย
จะต้องนั่งแล้วพยายามยึดตัวเองให้อยู่ในเรือ
แก่งโสภาราม
เป็นแก่งหักศอกรูปตัว
S ความรุนแรงของกระแสน้ำไม่รุนแรงมากนัก
แต่จะโค้งหักศอก
แก่งนางคอย
ลักษณะของแก่งนางคอยจะเป็นการลดระดับของชั้นหิน
และกระแสน้ำจะมีความสูงเกือบ
2 เมตร
ความยากจะอยู่ในระดับ 4-5
การลดระดับของชั้นหินนั้นจะเอียงจากทางด้านขวาของสายน้ำไปทางด้านซ้ายในแนวเฉียง
จึงทำให้เพิ่มความยากขึ้นไปอีก
ควรจอดเรือตรงลานหินเหนือแก่ง
แล้วเดินไปตรวจดูสภาพของแก่งเสียก่อนว่าควรจะนำเรือยางไปตามล่องน้ำด้านไหน
แต่ขอแนะนำให้ลงทางด้านซ้าย
แต่ไม่ใช่ซ้ายสุด
เพราะทางด้านซ้ายสุด
ด้านล่างของแก่งจะมีก้อนหินใหญ่อยู่
2 กันแพอาจจะพลิกคว่ำได้
ถ้าล่องผ่านแก่งนางคอยแล้วสามารถบังคับเรือกลับไปล่องน้ำด้านขวามือสุดจะเป็นร่องน้ำเล็ก
ๆ
ก็จะสามารถนำเรือขึ้นไปล่องลนแก่งนางคอยได้อีก
ถ้าต้องการเพิ่มความสนุกสนาน
แก่งยาว
แก่งยาวจะมีความยาวกว่า
100 เมตร
สมกับชื่อของแก่งกว่าจะล่องผ่านแก่งยาวไปได้ก็สะบักสะบอมกันเอาเรื่องทีเดียว
ลักษณะของแก่งยาวจะเป็นแก่งที่สายน้ำจะผ่านโขดหินมากมาย
และจะค่อย ๆ
ลดระดับลาดเอียงลงสู่ด้านหน้าของแก่งควรจะบังคับเรือยางให้เข้าร่องน้ำทางด้านซ้ายก่อนจะสิ้นสุด
ปลายแก่งจะมีก้อนหินใหญ่ขวางอยู่ต้องบังคับเรือหลบหลีกให้ทัน
ไม่เช่นนั้นเรืออาจจะกระแทกกับหินทำให้เกิดอันตรายได้
ความยากของแก่งนี้จะอยู่ในระดับ
3 - 4
แล้วแต่ระดับของน้ำ
เมื่อล่องแพผ่านทั้งแก่งซางแก่งนางคอย
และแก่งยาวมาได้แล้วแก่งต่าง
ๆ
ที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่ใช่เป็นแก่งที่ยาก
ไม่ว่าจะเป็นแก่งคงสัก
หรือแก่งวังน้ำเย็น
ที่มีความยากในระดับ 1
2 เท่านั้น
สามารถลงไปลอยคอผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้เย็นสบาย
จนถึงจุดขึ้นฝั่งที่แก่งทักขุนไทได้อย่างสนุกสนานทีเดียว
รวมแล้วผ่านมา 18 แก่ง
ข้อควรระวังในการล่องแพลำน้ำเข็ก
ลำน้ำเข็กค่อนข้างจะมีความรุนแรงเชี่ยวกรากในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก
นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถลงเล่นน้ำตกต่าง
ๆ ได้
แต่ในช่วงฤดูฝนนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเล่นเรือยางล่องแก่งต่าง
ๆ
ได้อย่างสนุกสนานเร้าใจเป็นอย่างมาก
แต่นักท่องเที่ยวที่จะมาล่องแก่งที่ลำน้ำเข็กนั้นควรจะต้องว่ายน้ำเป็น
มีร่างกายและใจที่พร้อม
และรู้จักระมันระวังตนเองเพราะสายน้ำแห่งนี้ยิ่งมีกระแสน้ำรุนแรงเท่าใด
อุบัติเหตุก็อาจเกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น
ฤดูกาลล่องแก่งที่เหมาะสม
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
ตุลาคม
ต้องดูปริมาณฝนตกอีกครั้ง
ถ้าฝนตกชุก
ระดับน้ำขึ้นสูงมาก
ความรุนแรงของกระแสน้ำจะอยู่ตั้งแต่ระด
|