เซี่ยงไฮ้ expo
2010
ตามconcept: Better City, Better Life
เมืองที่ดีกว่า ชีวิตที่ดีกว่า
สนับสนุนข้อมูลโดย
Abroad-Tour.com
เซี่ยงไฮ้
ถือได้ว่าเป็นเมือง ที่เจริญเดิบโตรวดเร็วมากที่สุด เมืองหนึ่งของโลก ประชากรประมาณ
20 ล้านคน ความหนาแน่นต่อพื้นที่สูง ผู้คนอาศัยอยู่ในตึกสูงระฟ้า เดินทางโดยรถไฟฟ้า
รถเมล์ รถยนต์ส่วนตัวน้อย เพราะค่าที่จอดรถแพง การวางผังเมืองโดยรัฐบาลจีน
ถือว่าดีเยี่ยม รถติดน้อย มลภาวะของเสียน้อย ถือว่าเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบแห่งอนาคต
ตามธีมของงานนี้ “collecting global wisdom,
jointly creating cities ‘future”.
จากที่นายเหวิน เจียเป่าได้พูดไว้ที่ปักกิ่ง เกี่ยวกับงาน
Shanghai Expo
เลยเป็นที่มาของ “Better City, Better Life”
ตามความปรารถนาของมนุษยชาติที่ต้องการชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต ในสังคมเมือง
งาน World Expo
แบบนี้ จะมีอีกที ที่ มิลาน อิตาลี ในปี 2015 ผมได้ข่าวว่า
ประเทศไทยเราขอเป็นเจ้าภาพจัดด้วยเหมือนกัน ในปี 2020
(ไม่รู้จะได้รับคัดเลือกหรือเปล่า)
เซี่ยงไฮ้ expo
2010 นี้ ทางการจีน จัดได้ใหญ่โตจริงๆ ตั้งเป้าหมายผู้เข้าชมที่ 70 ล้านคน
ก่อนงานปิด ใน ต.ค. 2010 มีคนเล่าให้ฟังว่า เปิดงานวันแรกๆ คนจีนเที่ยวกันน้อย
ทางการจีน กลัวว่าจะต่ำกว่าเป้า เลยโปรโมท เพิ่มงบประมาณให้แต่ละมณฑล
เชิญคนจีนต่างมณฑลมาเที่ยวงานกันมากขึ้น และก็ประสบผลสำเร็จได้ดี
จากวันแรงงานที่ผ่านมา เที่ยวกันวันละ 5 แสนคน ลองหลับตานึก มีประมาณ 100
Pavilion
(รวมหลายๆ ประเทศ และ Pavilion
ของหน่วยงานอื่นๆ) เดาได้เลยว่า ต้องมีคนต่อคิว เข้า
Pavilionกัน
เป็น1000-2000 คน ต่อ Pavilion
แน่ๆ รอกัน ก็สัก 1-2 ชั่วโมง โดยเฉลี่ย
สัดส่วนคนเที่ยวน่าจะสัก 85%
คนจีน : 15%คนต่างชาติ
ค่าตั๋ว 160 หยวน ราคาเดียว
สำหรับวันปกติ, วันหยุดพิเศษ 200 หยวน
เห็นว่าบางคนอาจชื้อได้ถูกกว่า คือ 100 หยวน วันธรรมดา และ 120 หยวน วันหยุดพิเศษ
... แต่ผมไม่รู้น่ะว่าต้องทำอย่างไร
เปิดงาน 9.00 น. ทุกวัน ถึง 31 ต.ค. 2010
อุณหภูมิ 30 องศา C,
บางวันมีฝนตก (ไม่หนัก), ตอนเย็น อากาศจะเย็นลงเล็กน้อย
ภายในงานจะมีนักศึกษาอาสาสมัคร คอยให้บริการ เป็นล่ามแปล
แต่...ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร
ภายในงานมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ห้องน้ำ
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่เป็นจุดๆ ตลอดพื้นที่
มีรถเมล์ บริการฟรี แต่เป็นรถก็อล์ฟ เสียตัง 10 หยวน นั่งจาก
China Pavilion
ไปถึง USA Pavilion
แล่นอยู่บนทางด่วน(ในงาน)
คำเตือน
·
ห้ามนำน้ำดื่มอาหารเข้าในงาน ของขบเคี้ยวชิ้นเล็กๆ พอได้
·
บัตรใช้ได้ครั้งเดียว หากออกจากงานexpo
ระหว่างวัน แล้วจะเข้ามาอีก ไม่ได้
·
ไปถึงแล้วควรหาแผนที มีภาษา จีน และอังกฤษ ติดตัวไว้
·
เลือก Pavilion
ที่ชอบ ไว้ล่วงหน้า แต่ต้องดูคิว ได้รอบครอบก่อน เพราะคิวของบาง
Pavilion
ข้างนอกมีคนน้อย แต่ดันไปขดตัวอยู่ข้างในอีกเยอะ...อาจทำให้เสียเวลาคอย
·
ควรประเมินเวลา และคาดเดาความสวยงาม ว่าคุ้มค่ากับเวลาที่รอคิวหรือเปล่า
ก่อนเข้าน่ะครับ มิฉะนั้นต้งอหาทางกระโดดออก นอกช่องคิว บ่อย (แบบผมไง)
เดี๋ยวจะอธิบายบอกอีกทีว่า Pavilion
ไหนควรเข้าบ้าง
·
ควรเตรียร่มขนาดพกพา, หมวกกันแดด, บางวันแดดแรง ควรทาครีมกันแดด
·
ใส่เสื้อผ้าแบบสวมสบาย รองเท้าผ้าใบ แบบเดินทนๆ (รองเท้าแตะ ไม่ไหว)
·
เงินหยวน แบ็งค์ 10 หยวน หรือ เหรียญ ประมาณ 10 หยวน ติดตัวไว้ หยอดตู้น้ำดื่ม
เดินนานๆ ตั้งแต่เช้า...หิวน้ำแน่ แต่ในงานมีน้ำเปล่าฟรีให้ดื่ม จากก๊อก
·
อาหารเริ่มต้น จาก 40 หยวน (200 บาท) ต่อชาม ถึง 200 หยวน อาหารไทย
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้ง 50 หยวนใน Thai
Pavilion, 45
หยวน สำหรับข้าวไก่ทอด ของ CP…
อาหารแพงพอดู
จัดงานที่ฝั่งผู่ตง มีประตูเข้าออกหลายทาง แบ่งเป็น
zone
แต่ละทวีป ซึ่งมีแทบทุกประเทศ ประเทศเล็กๆ ก็มักจะรวมกันอยู่ใน
pavilion
กลาง เช่น Pavilion
ของเอเชีย มีจอร์แดน ซีเรีย ฯลฯ Pavilion
ของแอฟริกา มี
เอธิโอเปีย มารเซียส ฯลฯ
ส่วนของไทยเรา ภายใต้การควมของกระทรวงวัฒนธรรมเน้น ใน
Thai Pavilion
มี 3 ส่วน
1.
ส่วนแรกแสดงทางจอ LCD
ทรงลูกบาศก์ มี 4 ด้าน มีบรรยากาศฝนตก ลงมาจากเพดานห้อง เลเซอร์ลงบนถืนน้ำ
เป็นสวนดอกบัว ข้างล่างจอ บรรยายถึง วิถีชีวิตคนไทย ความเป็นประเทศกสิกรรม อู่ขาว
อู่น้ำ
2.
ส่วนที่2 เป็นการคุยกันของ ยักษ์ไทย vs
ยักษ์จีน แสดงถึง มิตรภาพไทย-จีน ที่เคยรุ่งเรืองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (ร.3)
มีเรือสำเภา ค้าขายกัน เป็นภาพฉายรอบห้อง
3.
ส่วนที่ 3 ภาพยนต์ 3 มิติ ผู้ชมต้องสวมแว่นตา 3 มิติ ที่จัดให้ แสดงถึง ประเทศไทย
สถานที่ท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ ทะเลภาคใต้ ป่าเขา ผลไม้
(มะพร้าวทะลุออกมานอกจอ) ช้างไทย พ่นน้ำออกมาได้ (น้ำจริงๆ)
ผมดูๆ แล้ว Thai Pavilion
ก็ไม่น้อยน้า Pavilion
ของประเทศอื่นๆ น่ะครับ คนจีนที่นั่งข้างหัวเราะชอบอกชอบใจกันใหญ่
|